วิศวะ มข. ผนึก 5 มหาวิทยาลัย ผลิตบัณฑิตด้านดิจิทัล พร้อมจัดตั้ง “สถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์” เรียนข้ามมหาวิทยาลัยได้

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

รศ.ดร.รัชพล สันติวรากร คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เปิดเผยถึงการลงนามความร่วมมือกับ 5 มหาวิทยาลัย ในการจัดตั้ง “สถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ (A.I. Engineering)” ว่า มข. มีความพร้อมในการพัฒนาหลักสูตรเพื่อผลิตบัณฑิตให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและประเทศ ซึ่ง A.I. หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ถือเป็นเทคโนโลยีที่ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจได้นำเข้ามาใช้จำนวนมาก แต่บุคลากรด้านดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์กลับขาดแคลน สวนทางกับความต้องการกำลังคน

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 14 สาขาวิชา ของ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มข. ล้วนมีการจัดการเรียนการสอนที่จะทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้ เข้าถึงระบบ A.I. ได้ โดยมหาวิทยาลัยมีเครื่องมือ มีเทคโนโลยีความเร็วสูง มีชุดฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ให้นักศึกษาได้เรียนรู้ และมีคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพสูง รวมถึงมีงานวิจัยเกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร การแพทย์พยาบาล หลากหลายสาขา ที่สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่นักศึกษาได้

ทั้งนี้ สำหรับความร่วมมือในการจัดตั้ง สถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ ระหว่าง มข. กับ 5 มหาวิทยาลัย ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยมหิดล นั้น ถือเป็นการดำเนินการภายใต้หลักสูตร A.I. Sandbox การจัดการศึกษาที่แตกต่างด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและเอไอ รวมถึงเป็นแกนกลางในการช่วยประสานงานระหว่างเครือข่ายมหาวิทยาลัย เพื่อร่วมกันจัดการศึกษา แบ่งปันทรัพยากร และเปิดโอกาสให้นักศึกษาเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเครือข่ายปัญญาประดิษฐ์ไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มข. กล่าวต่อว่า มข. มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการนำเทคโนโลยี A.I. มาใช้ 4 ด้านหลัก ๆ คือ 1.ด้านเกษตรกรรม มข. ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งมีการทำเกษตรจำนวนมาก ได้มีการนำเรื่องของสมาร์ทฟาร์ม A.I. เข้ามาช่วยเกษตรกรเพิ่มผลผลิต วิเคราะห์ต้นทุนการผลิต และมีการอบรมให้ความรู้แก่เกษตรในการนำเทคโนโลยี A.I. มาใช้ 2. ด้านการแพทย์ มข. เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงมีนโยบายเปิดโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ฉะนั้น เรื่องการนำ A.I. มาใช้ทางการแพทย์ ได้มีการดำเนินการมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเป็นความร่วมมือระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์ และ คณะแพทยศาสตร์ มข. 3.ด้านอุตสาหกรรม อาจารย์วิศวกรรมศาสตร์ มข. ได้ทำงานวิจัยร่วมกับภาคอุตสาหกรรม นำ A.I. มาวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เช่น โรงงานน้ำตาล โรงงานไฟฟ้า และ 4. ด้านสมาร์ทซิตี้ ขอนแก่น เป็น 1 ในไม่กี่จังหวัด ที่มีการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัล และ A.I. มาใช้ในการบริหารจัดการเมืองอยู่แล้ว เพื่อขับเคลื่อนทุกรูปแบบ และ มข. มีโมเดลรถไฟฟ้ารางเบา ที่จะเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ด้วย นอกจากนี้ ทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ กำลังหารือร่วมกับ คณะบริหารธุรกิจ ในการดำเนินการเรื่อง FinTech หรือ การนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเงิน มาใช้ในกลุ่มนักธุรกิจร่วมด้วย

และจากความร่วมมือในการจัดตั้ง A.I. Engineering เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการเรียนข้ามมหาวิทยาลัยอย่างแท้จริง โดยขณะนี้ ทั้ง 6 สถาบันการศึกษาชั้นนำ ได้ร่วมกันจัดทำหลักสูตรกลางขึ้นมา โดยจะมีการแลกเปลี่ยนบุคลากร เครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สำคัญ และจะเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้ข้ามมหาวิทยาลัยได้

“การเรียนข้ามมหาวิทยาลัยนี้ จะลงทะเบียนเป็นภาคเรียนเหมือนปัจจุบัน แต่ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนในรายวิชาอื่น ๆ ที่มหาวิทยาลัยอื่นได้ เช่น เด็ก มข. อยากเรียนรายวิชาของ มช. ก็สามารถเทียบโอนเรียนได้ และเมื่อเรียนจบในรายวิชาดังกล่าว จาก ม.เชียงใหม่ ทาง มช. จะส่งผลคะแนนกลับมายัง มข. ทาง มข. ก็จะเทียบกับหลักสูตรของ มข. เพื่อให้เด็กจบการศึกษา เป็นต้น” คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มข.กล่าว

อย่างไรก็ตาม การเรียนข้ามมหาวิทยาลัยนั้น 80% ของวิชาที่เรียน จะเป็นมหาวิทยาลัยที่ผู้เรียนสมัครเรียนตั้งแต่แรก และจะไปเรียนข้ามมหาวิทยาลัยในรายวิชาที่มหาวิทยาลัยเดิมอยู่ไม่ได้เปิดสอน โดยการเรียนในรูปแบบดังกล่าว จะเป็นการเรียนแบบโมดูล ที่ผู้เรียนสามารถออกแบบการเรียนได้ และมหาวิทยาลัยสามารถร่วมมือในการจัดการเรียนการสอน แลกเปลี่ยนบุคลากรได้ ช่วยให้สามารถผลิตบุคลากรได้เร็วขึ้น ลดการขาดแคลนกำลังคนด้านดิจิทัล

“สถาบันฯ ดังกล่าว จะช่วยให้ทุกมหาวิทยาลัยผลิตกำลังคนด้านดิจิทัลได้เท่าทันกับความต้องการ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถของคนในประเทศได้เร็วขึ้น เพราะหลักสูตรดังกล่าว ไม่ได้เปิดโอกาสให้แก่นักศึกษาเท่านั้น แต่คนวัยทำงานที่ต้องการ Re-skill หรือ Up-skill ก็สามารถมาเพิ่มเติมความรู้และทักษะ โดยจะได้รับใบประกาศนียบัตร ขณะที่ นักศึกษาจะได้รับการเพิ่มเติมองค์ความรู้ ทักษะด้าน A.I. ได้ทันที เมื่อจบออกไปสามารถทำงานตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม” รศ.ดร.รัชพล กล่าว

คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มข. กล่าวต่อไปว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้เด็กได้หลายปริญญาร่วมกันและเด็กสามารถเลือกเรียนได้ โดยหลักสูตรเบื้องต้น จะมีการแบ่ง A.I. เป็นกลุ่ม ๆ เช่น A.I. ด้านการแพทย์ A.I. ด้านการเกษตร A.I. ภาคอุตสาหกรรม สมาร์ทซิตี้ เป็นต้น แบ่งเป็นโมดูลให้เด็กได้เลือกเรียน โดยจะเริ่มในกลุ่มของนักศึกษาที่เรียนในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ก่อน ซึ่งขณะนี้สามารถเรียนข้ามมหาวิทยาลัยได้ ส่วนนักศึกษาที่จะเปิดรับในหลักสูตรดังกล่าว คาดว่าจะเริ่มในปีการศึกษา 2566

อย่างไรก็ตาม นอกจากความร่วมมือ A.I. Engineering แล้ว ทาง มข.ได้มีการนำเสนอหลักสูตรระบบรางรถไฟฟ้าความเร็วสูง ให้เป็นหนึ่งในหลักสูตร Sandbox เพื่อที่จะได้ผลิตกำลังคนให้เท่าทันกับความต้องการโครงสร้างของประเทศ โดยคาดว่าจะได้รับอนุมัติในปี 2565 นี้

RANDOM

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!