ม.เกษมบัณฑิต จับมือ สภาสมาคมธรรมาภิบาล และ สถาบันการจัดการกีฬาเพื่อองค์กรกีฬา ร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยและองค์กรกีฬาในทุกมิติ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่าง มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต กับ สภาสมาคมธรรมาภิบาล และสถาบันการจัดการกีฬาเพื่อองค์กรกีฬา (WISDOM) ณ ห้องประชุมผู้บริหารระดับสูง อาคารเฉลิมพระเกียรติ วิทยาเขตพัฒนาการ โดยมีผู้บริหารของทั้งสามหน่วยงานเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน และเป็นเกียรติในพิธี

ดร.วัลลภ สุวรรณดี อธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เป็นสถาบันอุดมที่มีบทบาทหน้าที่ในการจัดการศึกษาและสร้างสรรค์สังคมมาอย่างยาวนานถึง 35 ปีเศษ และที่สำคัญ ดร.เกษม สุวรรณดี ผู้ก่อตั้ง ได้มอบภารกิจให้ขับเคลื่อนการบริหารจัดการเพื่อให้มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตเป็นมรดกทางสังคม และจากการที่มหาวิทยาลัยได้รับเกียรติจาก สภาสมาคมธรรมาภิบาล และสถาบันการจัดการกีฬาเพื่อองค์กรกีฬา ด้วยการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสามหน่วยงานจะได้ร่วมกันขับเคลื่อนและรับผิดชอบต่อสังคมภายใต้งานวิชาการ งานวิจัย และอื่น ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติต่อไป และจากการร่วมมือในวันนี้นั้นนอกจากมหาวิทยาลัยจะภาคภูมิใจต่อการเป็นพันธมิตรและครอบครัวเดียวกันแล้ว ขอเรียนให้ทราบว่ามหาวิทยาลัย ภายใต้คณะ หน่วยงาน และบุคลากร ล้วนแล้วแต่มีศักยภาพและพร้อมที่จะเดินไปด้วยกันโดยเฉพาะการผนึกพลังเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างหลักธรรมาภิบาล และการจัดการกีฬาเพื่อพัฒนา และยกระดับสังคมในมิติต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์บริบทการเปลี่ยนแปลงและแข่งขันในศตวรรษ ที่ 21

ด้าน ดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ นายกสภาสมาคมธรรมภิบาล กล่าวว่า นับเป็นความภาคภูมิใจอีกวันหนึ่งที่ตนเองพร้อมด้วยคณะกรรมการของสภาสมาคมฯได้เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อการพัฒนาสังคมด้วยการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต และที่สำคัญต้องยอมรับว่า หลักธรรมาภิบาลเป็นหนึ่งในหัวใจของการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ขณะที่วันนี้สังคมไทยโดยเฉพาะบางองค์กรกำลังประสบกับปัญหาของความไม่โปร่งใส หรือขาดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ ดังนั้นความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะส่งผลดีหรือต่อยอดไปสู่การสร้างและพัฒนาคน โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา ตลอดจนผู้บริหารองค์กรให้เป็นผู้ที่ตระหนักรับผิดชอบต่อสังคม และนำหลักธรรมภิบาลไปประยุกต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เหนือสิ่งอื่นใดตนเองเชื่อว่า ภายหลังจากการลงนามความร่วมมือทางวิชาการนั้นจากนี้ไป สภาสมาคมคงจะได้ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต รวมทั้งสถาบันการจัดการกีฬาเพื่อองค์กรกีฬา ในการที่จะเดินหน้าเพื่อขับเคลื่อนสังคมไทย โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐและองค์กรกีฬาเข้ามามีส่วนร่วมกับการรังสรรค์และพัฒนาในมิติต่าง ๆ ภายใต้หลักธรรมาภิบาลกันต่อไป

ขณะที่ นายศุกรีย์ สุภาวีรกุล ประธานสถาบันการจัดการกีฬา (WISDOM) กล่าวว่า ปัจจุบันกีฬามีบทบาทสำคัญสำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม และด้วยความสำคัญดังกล่าว นักวิชาการตลอดจนผู้มีประสบการณ์ทางการจัดการกีฬาทั้งในสถาบันอุดมศึกษาและเครือข่ายอุตสาหกรรมกีฬา จึงรวมตัวกันจัดตั้ง สถาบันการจัดการกีฬาเพื่อองค์กรกีฬา ขึ้น และตลอดดระยะเวลาที่ผ่านมา สถาบันได้มีการจัดกิจกรรมทางวิชาการในหลากหลายมิติ ทั้งการวิจัย การประชุมสัมมนา ตลอดจนการสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาและยกระดับให้วงการกีฬาและอุตสาหกรรมกีฬาของไทยก้าวไปข้างหน้าและทันกับการเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน ดังนั้น การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชการกับมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตนั้น ถือได้ว่า เป็นอีกก้าวหนึ่งที่ทั้งสองหน่วยงานจะได้สร้างสรรค์และร่วมพัฒนาสังคมและประเทศชาติ ภายใต้โครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ และก่อนหน้านี้ทางสถาบันฯ ได้มีการประสานร่วมมือกับ ศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดทำหลักสูตรสำหรับจัดอบรมด้านการจัดการกีฬาและอุตสาหกรรมกีฬาให้กับผู้บริหาร ผู้ประกอบการ นักวิชาการ และผู้นใจทั่วไป ดังนั้น จากนี้ไปเมื่อสองหน่วยงานต่างมีเจตคติและอุดมการณ์ร่วมกัน เชื่อว่าการพัฒนาและยกระดับการจัดการกีฬาและอุตสาหกรรมกีฬาของประเทศ จะตอบโจทย์และทันกับบริบทการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างแน่นอน

ด้าน พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ประธานอนุกรรมาธิการกีฬาอาชีพและอุตสาหกรรมกีฬา ในคณะกรรมาธิการกีฬา วุฒิสภา กล่าวว่า รู้สึกชื่นชมและยินดีกับมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ที่ได้ร่วมมือทางวิชาการกับ สภาสมาคมธรรมาภิบาล และสถาบันการจัดการกีฬาเพื่อองค์กรกีฬา ตนเองในฐานะที่อดีตเคยรับราชการตำรวจ และดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่สังคมจะต้องร่วมกันพัฒนาและยกระดับการกีฬาของประเทศ ตลอดจนสร้างเด็กและเยาวชนให้เป็นคนเก่ง คนดี และขอเพิ่มให้เป็นผู้เริงร่า กล้าหาญ เข้าไปด้วย ดังนั้น ในฐานะคนไทยและคนที่ชื่นชอบกีฬา จึงหวังว่าการที่ทั้งสามหน่วยงานได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ จะเป็นหนึ่งในพลังที่สำคัญสำหรับการขับเคลื่อนการพัฒนาสังคม และวงการกีฬาให้เจริญก้าวหน้าสืบไป

RANDOM

NEWS

สสส. ร่วมกับ สคล. เชิญชวนโรงเรียนประถมศึกษาเข้าร่วมกิจกรรม “มารู้จักเจ้าชายภูมิพลกันเถอะ” ดาวน์โหลดรายละเอียดกิจกรรมได้ที่เว็บไซต์ ‘โรงเรียนคำพ่อสอน.com’ พร้อมรับเกียรติบัตรจากทางโครงการฯ สมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกวดเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ หัวข้อ “ASEAN-IPR Cybersecurity Youth Essay Competition” ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าร่วมการประชุม ASEAN-IPR Regional Conference on Cybersecurity และมีโอกาสนำเสนอเรียงความในที่ประชุมดังกล่าว สมัครด่วน หมดเขต 22 พ.ย. นี้

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!