เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2565 ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด และมอบนโยบายการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ด้วยการพลิกโฉมโรงเรียนต้นแบบสร้างนวัตกรรมครูสู่นวัตกรรมนักเรียนแบบ Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps โดยมี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมทั้งคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ อาทิ นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ให้การต้อนรับ ณ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ
ภายในงานมีโรงเรียนต้นแบบในพื้นที่ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมประชุมจำนวน 26 โรงเรียน มีการนำเสนอผลงานนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู และนวัตกรรมนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกมากกว่า 500 รายการ สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ด้านการศึกษา ที่ได้กำหนดกิจกรรมปฏิรูปที่ 2 การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 โดยการปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนในปัจจุบันไปสู่การเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps ภายใต้หลักสูตรอิงมาตรฐาน (Standard-based Curriculum) ด้วยการพัฒนาคุณภาพและศักยภาพรวมทั้งส่งเสริมความเป็นเลิศทางวิชาชีพของผู้บริหาร ครู นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา
สำหรับพื้นที่ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร เป็นการสะท้อนความสำเร็จให้เห็นว่า สามารถดำเนินการพัฒนาโรงเรียนต้นแบบให้พัฒนาการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ให้กับครูได้แล้ว 2 ภูมิภาคในปีนี้ และมีศักยภาพที่จะการขยายผลให้ครอบคลุมทั้งประเทศ ภายในปีงบประมาณ 2566 นำไปสู่การยกระดับคุณภาพผู้เรียน สามารถนำหลักการต่าง ๆ ไปใช้ประโยชน์เกิดผลลัพธ์เป็นผลผลิต เช่น ชิ้นงาน โครงงาน นวัตกรรม จนส่งผลให้ผู้เรียนทุกคนสามารถพัฒนาเป็นนวัตกรได้ ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ตามที่ยุทธศาสตร์ชาติกำหนดไว้
นอกจากนี้ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยังได้มอบโล่และเกียรติบัตรให้กับครูและนักเรียนที่ร่วมประกวดนวัตกรรมดีเยี่ยม ดีเด่น ดีมาก ตามโครงการดังกล่าว พร้อมทั้งกล่าวว่า นับเป็นการดำเนินการที่บ่งชี้ความสำเร็จในการพัฒนาประเทศภายใต้นโยบายขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ในยุค “ประเทศไทย 4.0” ของรัฐบาลนี้เป็นอย่างดี เป็นการเตรียมเมล็ดพันธุ์ใหม่ด้วยการบ่มเพาะคนไทยให้เป็น “มนุษย์ที่สมบูรณ์ในศตวรรษที่ 21” หลักฐานข้อมูลต่าง ๆ จากนิทรรศการผลการดำเนินโครงการชี้ให้เห็นถึงการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนได้อย่างชัดเจน เป็นจุดสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมยุคใหม่ที่เป็นยุคของการพัฒนาด้วยการสร้างความมั่งคั่งผ่านกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม ปัญญา เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงจาก “ประเทศกำลังพัฒนา” ไปสู่ “ประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี 2575” ให้เป็นรูปธรรม โดยนำมาขยายผลให้ทั่วถึงทุกโรงเรียนในระบบการศึกษาทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระทรวงศึกษาธิการ ต้องนำรูปแบบโครงการความร่วมมือ “พัฒนานวัตกรรมครูสู่นวัตกรรมผู้เรียน” ไปสร้างเครือข่ายขับเคลื่อนงานให้ครอบคลุมทั้งประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจและเกิดการปฏิบัติอย่างจริงจังต่อไป
ด้าน นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนครูและผู้เรียนเป็นนวัตกรทางการศึกษา และการจัดการเรียนรู้ได้เช่นนี้ แสดงถึงความสำเร็จของโครงการที่มีต่อการพัฒนาสมรรถนะครูและผู้เรียน นับเป็นการพลิกโฉมประเทศด้านการพัฒนาการศึกษาของชาติ ตามแนวคิด Thailand 4.0 ที่จะทำให้คนไทยมีการสร้างนวัตกรรมเป็นของตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาต่างชาติ นำไปสู่การขับเคลื่อนประเทศให้ “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” ในที่สุด จึงนับเป็นโครงการที่ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและการศึกษาในศตวรรษที่ 21 เป็นแบบอย่างของการดำเนินการโครงการความร่วมมือทางการศึกษาที่กระทรวงศึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี
“กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีความมุ่งมั่นที่จะใช้โครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกโฉมประเทศด้านการศึกษา ด้วยการขยายการดำเนินงานตามแนวทางความร่วมมือของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (มรภ.สส.) ให้กว้างขวางเกิดผลอย่างแท้จริงต่อไป โดย สพฐ. ต้องเร่งพัฒนาโรงเรียนต้นแบบประจำจังหวัดให้ครบทุกจังหวัดให้แล้วเสร็จ ภายในปีการศึกษา 2566 และตั้งความหวังไว้ว่าผลสำเร็จของการดำเนินงานตามแนวทางดังกล่าวนี้จะยกระดับคุณภาพการศึกษา และพัฒนาสังคมของประเทศให้เป็นสังคมฐานความรู้ ที่นำไปสู่การพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสู่ระดับมาตรฐานสากลในอนาคต” รมว.ศธ. กล่าว
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3BNrdz9