น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย พะเยา และน่าน พร้อมด้วย ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพื่อเยี่ยมสถานศึกษา ติดตามการดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และรับฟังความต้องการของพื้นที่ พบว่า หนึ่งในข้อเรียกร้องของพื้นที่ที่ตรงกัน คือ ขอให้มีการจัดหลักสูตรทวิศึกษา ซึ่งเป็นการเรียนร่วมหลักสูตรอาชีวศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย เมื่อสำเร็จการศึกษาผู้เรียนจะได้รับวุฒิการศึกษาทั้งการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสด้านวิชาชีพให้แก่ผู้เรียนสายสามัญศึกษา ได้เรียนสายช่างควบคู่ไปด้วย แต่ช่วงที่ผ่านมา การสอนหลักสูตรทวิศึกษาได้หยุดชะงักลง และมีเด็กที่เรียนในหลักสูตรนี้ค้างอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งทางจังหวัดต้องการให้จัดหลักสูตรนี้ต่อไป โดยเฉพาะในกลุ่มโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และโรงเรียนในโครงการพระราชดำริ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่เด็กกลุ่มด้อยโอกาสต่อไป ที่ผ่านมา มีนักเรียนที่จบหลักสูตรทวิศึกษา สามารถเลือกเรียนต่อในระดับสูงได้ ทั้งสายวิชาชีพในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และ ปริญญาตรี ขณะเดียวกัน เด็กบางคนก็สามารถนำความรู้ และวุฒิ ปวช. ไปประกอบอาชีพได้เลย
ดังนั้น ทาง ศธ. จึงได้มอบนโยบายให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ร่วมกันขับเคลื่อนการจัดหลักสูตรทวิศึกษา โดยมีการจัดทำแผนระดับจังหวัด ว่า ควรจัดทวิศึกษารายวิชาใด ในโรงเรียนไหน รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ทำให้โครงการนี้หยุดชะงักลง สำหรับเด็กชั้น ม.4 ที่เรียนหลักสูตรทวิศึกษา ซึ่งค้างท่ออยู่ในปัจจุบัน ก็ให้จัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง และสามารถเปิดรับนักเรียนรุ่นต่อไป ในปีการศึกษา 2566 ได้ โดยเน้นย้ำว่า การจัดหลักสูตรทวิศึกษา ให้เป็นไปตามความพร้อมของทั้งโรงเรียน และวิทยาลัย และผู้ที่จะได้รับประกาศนียบัตร 2 หลักสูตร จะต้องเรียนรายวิชาครบตามเงื่อนไขของทั้ง 2 หลักสูตร ในการนี้ได้ให้ เลขาธิการ กพฐ. และ เลขาธิการ กอศ. หารือร่วมกันในรายละเอียดการดำเนินงาน ทั้งการจัดการเรียนการสอนและงบประมาณ
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3TDuuXY