จับตาวงการกีฬา ปี 66 : ตอนที่ 3 : การเมืองเปลี่ยนกีฬาปรับ : เมื่อมีการเลือกตั้งวงการกีฬาใครต้องหมดวาระไปบ้าง ส่วนใครจะเข้ามาใหม่ อยู่ที่สิทธิการเลือกของท่าน

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

ถ้าไม่ผิดไปจากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.วางกรอบไว้ ในเดือน พ.ค.2566 จะมีการเลือกตั้ง สมาชิกผู้แทนราษฏร หรือ สส.ครั้งใหญ่ ครั้งใหม่ หลังจากรัฐบาลชุดนี้ ได้อยู่ในตำแหน่งฝ่ายบริหารมาแล้ว ตามวาระ ที่มาถึง ซึ่งจะมีการยุบสภาหรือไม่ยุบก็คงต้องเลือกตั้งในปี 2566 อยู่ดี

คำถาม : แล้วการเลือกตั้งเกี่ยวกับวงการกีฬาอย่างไรบ้าง

คำตอบ : ก็เกี่ยวครับ ในเรื่องแรก ก็ฝ่ายบริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ถือเป็นฝ่ายการเมืองโดยตรง หรือ คนที่มาจากการเมืองในคณะกรรมการต่าง ๆ ในวงการกีฬาที่ต้องจากไปตามวาระ “การเมือง”

คำถาม : จะมีการเปลี่ยนด้านใดบ้าง

คำตอบ : แน่นอนที่สุดที่ต้องเปลี่ยนแน่คือกลุ่มการเมืองที่ถูกมอบหมายให้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เช่นรัฐมนตรีว่าการ รัฐมนตรีช่วย หรือที่ปรึกษา หรือ เลขา หรือตำแหน่งอะไรก็แล้วแต่ที่มาจากการเมือง แล้วไม่ใช่ข้าราชการประจำ ในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

คำถาม : ในส่วนคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ บอร์ด กกท. และ คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ หรือบอร์ด กองทุนกีฬา ล่ะ

คำตอบคือ : กรรมการในทั้งสองชุดนี้ หากมาโดยตำแหน่งข้าราชการ หรือตัวแทนจากองค์กรภาครัฐต่าง ๆ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะมาโดยการเป็นตัวแทน แต่ถ้าเป็นตัวบุคคลที่มาโดยเส้นทางทางการเมือง หรือผู้ที่ถูกแต่งตั้งโดยชื่อ ที่มาจากฝ่ายการเมืองแต่งตั้ง เช่น ประธานกรรมการ ทั้งบอร์ด กกท. และ บอร์ด กองทุนกีฬา และหรือผู้ที่มาโดยการแต่งตั้งโดยการเมืองกลุ่มนี้ ก็ต้องลาจากไป… เริ่มต้นจากประธานก่อน เพราะประธานบอร์ด ทั้ง 2 ชุดนี้ เป็นประธานเพราะนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ทำหน้าที่แทน เมื่อรัฐบาลเปลี่ยนก็ต้องเริ่มต้นกันใหม่ รวมทั้งกรรมการ ที่มาจากภาคการเมืองจะโดยตำแหน่งหรือตัวบุคคลที่ลากกันมาก็ต้องออกไปก่อน ส่วนจะได้เข้ามาใหม่หรือไม่ ก็ต้องรอดูว่าหลังเลือกตั้ง ส.ส.แล้วใครจะเข้ามาบริหารประเทศ และ จะถูกมอบหมายอีกครั้งไหม

คำถาม : กรรมการโดยชื่อที่ถูกลากมาจากนักการเมืองที่มีตำแหน่ง เพื่อให้เข้ามาทำงานในการเป็นกรรมการ ในทั้ง 2 บอร์ด จำเป็นต้องลาออกหรือไม่

คำตอบ : มันเป็นมารยาทที่ต้องลาออก เป็นเหมือนประเพณีปฏิบัติมา ที่ไม่ค่อยมีใคร “ด้านหน้า” อยู่แบบไม่รู้สึกรู้สา โดยในอดีตที่ผ่านมาไม่ค่อยปรากฏว่าคนกลุมที่ว่านี้จะอยู่ต่อ เพราะทุกคนจะรู้ว่า “มาตำแหน่งได้เพราะอะไร”

คำถาม : ยังมีคณะอื่น ๆ อีกไหม ที่มาจากการเมืองที่เกี่ยวกับกีฬาที่ต้องเปลี่ยนแปลง

คำตอบ : ยังมีคณะกรรมาธิการการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องจากไปอีก 1 ชุด และ ยังมีอีก 1 ชุดที่เรียกว่า คณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ ที่มีรองนายกฯที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายอีก ที่ก็ต้องจากไปตามวาระการเมืองเช่นกัน

บทสรุปเรื่องของการเมืองกับกีฬา ใน ปี 2566 คือ เมื่อการเมืองจะปรับ วงการกีฬาก็จะเปลี่ยน จึงต้องจับตาดูต่อ

หรืออาจจะมีเป็นคำถามแบบลุ้น ๆ กันว่า “พรรคการเมืองใด” จะได้กลับเข้าสู่วงโคจร ในวงการกีฬานี้ หลังจากการเลือกตั้ง ที่กำลังจะมาถึง

ซึ่งคงเป็นคำถาม ที่ต้องหาคำตอบกันเอาเอง

ในเมื่อคุณหรือเราที่เป็นคนถือ 1 เสียงในการเลือกตั้งในฐานะพลเมืองไทยคนหนึ่ง ซึ่งมีสิทธิเท่าเทียมกันกับทุก ๆ คนในชาติ และถ้าเป็นคนในวงการกีฬา คงนึกถึงได้กับผลงานคนเก่า พรรคเก่า กลุ่มเก่า แล้วสังเคราะห์เป็นความรู้สึกว่าท่านมีความชื่นชม ห่วงใย สมหวังหรือผิดหวัง กับฝ่ายการเมืองที่มาทำงานในวงการกีฬาแค่ไหน  แล้วคุณก็จะเป็นผู้ให้คำตอบในคำถามเองด้วยการตัดสินใจเลือก พรรคใด พวกใด มาทำหน้าที่ในวงการกีฬาในตำแหน่งที่มาจากการเมืองทั้งมวลตามที่กล่าวมา เมื่อถึงวันเลือกตั้ง

ฉะนั้นการจะเชียร์ จะแช่ง หรือสาปส่ง…ก็อยู่ที่ 1 เสียงของคุณ…ภายใน ปี 2566 นี้ก็รู้กัน

1 เสียงของชาวกีฬา ก็เหมือนวงการอื่น ๆ คือ มีความหมายต่อการเดินหน้าของประเทศในด้านต่างๆ เช่นกันเสมอขอรับ.

RANDOM

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!