นวัตกรรม “EVERFRESH ผลไม้ ยืดอายุด้วยโมเลกุลธรรมชาติ” ชะลอเน่าเสีย ช่วยลดต้นทุน ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ฝีมือ นศ. ภาควิชาจุลชีววิทยา มจธ.

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

ประเทศไทย มีการส่งออกผลไม้เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และหนึ่งในนั้นคือ “มะม่วงน้ำดอกไม้” แต่ระหว่างการส่งออกผลไม้มักจะพบปัญหาการเน่าเสีย เนื่องจากในการขนส่งต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ทำให้ผลไม้เน่าเสียก่อนถึงผู้บริโภค มีค่าใช้จ่ายสูง และปัญหานี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้วิธีที่นิยมใช้เพื่อยืดอายุ หรือ เก็บรักษาผลไม้ให้ได้นานขึ้น จะมีการใช้สารต่าง ๆ โดยเฉพาะการใช้คลอรีนล้างผลไม้ เพื่อยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ แต่เนื่องจากคลอรีนเป็นสารอันตราย หากได้รับประทานในปริมาณมาก หรือ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะส่งผลกระทบต่อร่างกาย

หลายประเทศจึงมีความกังวล เช่น ประเทศเกาหลีใต้ ห้ามนำเข้าผักผลไม้ที่มีสารปนเปื้อนคลอรีน ทำให้ปัจจุบันการส่งออกมีข้อควรระวังที่สำคัญ คือ เรื่องการล้างผลไม้ด้วยคลอรีน การเคลือบ หรือ แวกซ์ผลไม้ที่ทำให้ผิวหรือเปลือกของผลไม้มีลักษณะมันวาว ก็อาจทำให้ผู้บริโภคบางรายเกิดความกังวลเช่นกัน นี่จึงเป็นที่มาของ “การพัฒนาสูตร EVERFRESH ผลไม้ ยืดอายุด้วยโมเลกุลธรรมชาติ” เป็นผลงานของ 8 นักศึกษาจากภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ประกอบด้วย นายสันติ นกยอด, นางสาวกานต์ญาณี ศรีแก้วฟ้าทอง, นางสาวธนวรรณ สังข์สุวรรณ, นางสาวสุธาทิพย์ เงินเจือ, นางสาวเบญญาภา เศรษฐวิบูลย์, นายกิตติพัฒน์ อินนะรายรัมย์, นายณัฐกฤษ ลาภแก้ว และ นางสาวหทัยชนก บุญชู โดยมี ผศ. ดร.นุจริน จงรุจา เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา

นางสาวณีรนุช รักยิ่ง นักศึกษาปริญญาเอก ในฐานะตัวแทน กล่าวว่า นอกจากคลอรีนแล้ว ยังมีแวกซ์ ซึ่งเป็นสารที่นิยมใช้ เพื่อช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผลไม้เน่าเสีย แม้การใช้สารดังกล่าวจะช่วยเก็บรักษาผลไม้ให้นานขึ้น ยิ่งเก็บได้นานเท่าไหร่ ก็จะส่งออกได้ไกลขึ้น และสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับผลไม้ได้มากขึ้น แต่เนื่องจากเป็นสารเคมีทั้งคู่ หากสะสมมากก็จะเป็นอันตรายและส่งผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์ได้ อีกทั้งในการขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์ทางเรือมีการใช้ตู้เย็นเพื่อบรรจุผลไม้มากกกว่า 80% นอกจากค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงแล้ว ยังมีโอกาสที่จะทำให้ผลไม้บางส่วนมีจุดดำเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้สินค้าที่ยังสดถึงปลายทางได้ลดลง

ด้าน นายสันติ นกยอด นักศึกษาปริญญาโท กล่าวต่อว่า เพื่อชะลอการเน่าเสียและเพิ่มอายุการเก็บรักษาผลไม้ รวมทั้งลดปริมาณขยะอาหาร และลดต้นทุนในการขนส่ง ทีมผู้วิจัยจึงได้คิดค้นนวัตกรรมทางธรรมชาติ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในการยืดอายุผลไม้ โดยได้ทำการพัฒนานวัตกรรมที่มีชื่อว่า “EVERFRESH ผลไม้ ยืดอายุด้วยโมเลกุลธรรมชาติ” ขึ้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้จากสารธรรมชาติ มีคุณสมบัติที่สามารถยืดอายุผลไม้ ทำให้สามารถเก็บรักษาได้นานยิ่งขึ้น และง่ายต่อการใช้งาน ถูกพัฒนาขึ้นจากการผสมระหว่างสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ ซึ่งเป็นสารที่รับประทานได้ และได้รับอนุญาตให้ใช้ในอาหาร โดยใช้อัตราส่วนของสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ ที่เหมาะสม และใช้กระบวนการเฉพาะในการผลิต ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์มากกว่าสารคลอรีนเดิมที่มีการใช้กันในปัจจุบัน

หลักการ คือ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง สารชีวโมเลกุล และ กรดอินทรีย์ ที่มีความสามารถในการยับยั้ง หรือ ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของการเน่าเสียในผลไม้ นำมาเคลือบบนผิวหรือเปลือกผลไม้ เพื่อรักษาความชุ่มชื้น โดยใช้สารในกลุ่มเพปไทด์ (โปรตีน) ที่ได้มาจากแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสารธรรมชาติ มาใช้ลดเชื้อจุลินทรีย์บนผิวหรือเปลือกผลไม้ให้ได้มากที่สุด ทำให้โอกาสที่ผลไม้เน่าเสียลดลง แม้จะมีอุบัติเหตุระหว่างการเก็บหรือการขนส่งที่อาจเกิดแผลเล็ก ๆ ขึ้น เพราะเพปไทด์จะช่วยป้องกันหรือลดโอกาสเชื้อจุลินทรีย์ไปเจอกับแผลได้ ซึ่งก็เป็นที่มาของคำว่า “โมเลกุลธรรมชาติ” ที่ทีมวิจัยตั้งชื่อขึ้น เทียบกับภาษาอังกฤษ คำว่า Biomolecule หรือ สารชีวโมเลกุล

ความต่างระหว่าง “คลอรีน” กับ “เพปไทด์” คือ เพปไทด์เป็นสารชีวโมเลกุลที่อยู่ในรายการของสารที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. อนุญาตให้ใช้ในผลิตภัณฑ์อาหาร ทีมวิจัยจึงได้เลือกใช้สารในกลุ่มเพปไทด์ที่มีความปลอดภัยสูงมาทำการศึกษาว่า เพปไทด์ใช้ร่วมกับสารอะไรที่จะทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และปลอดภัยต่อผู้บริโภค จากนั้นเราได้ทำการทดสอบนำสูตร EVERFRESH ที่พัฒนาขึ้นมา เคลือบบนผิวมะม่วงน้ำดอกไม้ ซึ่งเป็นผลไม้เปลือกบางเน่าเสียง่าย โดยเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 14 วัน พบว่า ผิวหรือเปลือกมะม่วงยังคงเป็นสีเหลือง ไม่เกิดจุดหรือรอยดำ เมื่อปอกเปลือก ก็พบว่า สามารถรับประทานได้ปกติ ขณะที่ มะม่วงน้ำดอกไม้ที่วางขายในท้องตลาดเพียง 7 วัน ผิวก็เริ่มเกิดจุดดำ ไม่น่ารับประทานแล้ว แต่มะม่วงที่ผ่านการเคลือบด้วย EVERFRESH ผ่านไป 14 วัน ยังคงรูปลักษณ์และสีไม่ต่างจากเดิม เป็นเพราะสารที่พัฒนาขึ้นนี้ เป็นเสมือนเกราะช่วยลดการระเหยของน้ำ ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นน่ารับประทาน ถือได้ว่า EVERFRESH มีประสิทธิภาพในการยืดอายุมะม่วงได้ออกไปเกือบ 2 เท่า ของอายุมะม่วง สันติ หนึ่งในเจ้าของผลงาน กล่าว

ทางด้าน ผศ. ดร.นุจริน จงรุจา อาจารย์ประจำภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่า เพปไทด์นี้คนในวงการอาหารรู้จักกันอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันยังไม่มีการนำเพปไทด์มาเคลือบผลไม้ ที่นิยมใช้กันส่วนใหญ่ คือ ใช้ผสมอาหารเพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่น ผสมในเนื้อสัตว์แปรรูป เพื่อยืดอายุการเก็บรักษา

“สำหรับนวัตกรรม EVERFRESH ผลไม้ ยืดอายุด้วยโมเลกุลธรรมชาตินี้ จุดเด่น คือ ใช้ง่าย ต้นทุนถูก เพราะมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ผลิตภัณฑ์ EVERFRESH จึงอยู่ในรูปของเหลว การใช้งาน EVERFREH ปริมาณ 1 ลิตร สามารถใช้ได้กับมะม่วง 300 – 500 กิโลกรัม ขณะที่ คลอรีน 1 ลิตร ใช้ได้กับมะม่วง 50 กิโลกรัม คือ EVERFRESH ใช้กับผลไม้ได้มากกว่า 6 – 10 เท่าของคลอรีน และปลอดภัยต่อผู้บริโภค”

ขณะนี้ ผลงานนวัตกรรม “EVERFRESH ผลไม้ ยืดอายุด้วยโมเลกุลธรรมชาติ” อยู่ระหว่างการยื่นจดทะเบียนอนุสิทธิบัตร และยังได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลสิ่งประดิษฐ์เยาวชน จาก เวทีการประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม Thailand New Gen Inventors Award: I-New Gen Award 2023 ระดับอุดมศึกษา กลุ่มการเกษตร จัดขึ้นโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา

RANDOM

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!