เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2566 นายประชุม บุญเทียม รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา เป็นประธานในการประชุมการเตรียมความพร้อมเพื่อการแข่งขันคัดเลือกให้ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 ณ ประเทศฝรั่งเศส (PARIS 2024) ของสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 4 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา กกท.โดยมี ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ กกท. และผู้แทนสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
โดยที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับเรื่องแผนการเตรียมนักกีฬาเพื่อคัดเลือกให้ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส (PARIS 2024), พิจารณาคำของบประมาณการพัฒนานักกีฬาให้ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ฯ โดยจะพิจารณาจากการส่งแข่งขันระดับนานาชาติ และการจัดแข่งขันระดับนานาชาติ, อีกทั้งยังพิจารณาในเรื่องคำของบประมาณการพัฒนาบุคลากรกีฬา และพิจารณาการปรับสภาพร่างกายและการเตรียมความพร้อมของนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 นี้
ซึ่งนายประชุม บุญเทียม ได้เปิดเผยว่า จากการประชุมครั้งนี้ เราได้กำหนดแนวทางการพิจารณาการขอสนับสนุนในส่วนของสมาคมกีฬาที่จะมีโอกาสเข้าร่วมแบบมีเป้าหมาย โดยแยกเน้นตามกลุ่มที่สำคัญตามลำดับคือ กลุ่มกีฬาที่เป็นเป้าหมายเหรียญรางวัล จะเป็นกลุ่ม Elite ประกอบด้วย 7 ชนิดกีฬาคือ ยกน้ำหนัก เทควันโด มวยสากล แบดมินตัน ยิงเป้าบิน กอล์ฟ วอลเลย์บอล (หญิง) และ กลุ่มกีฬาที่มีเป้าหมายในการผ่านการคัดเลือกเข้าไปมีส่วนร่วมในการแข่งขันอีก 14 ชนิดกีฬา โดยที่ประชุมได้ให้สมาคมทั้งหมดนี้ส่งแผนงาน การส่งแข่งเพื่อคัดเลือกให้ได้สิทธิ์ หรือการจัดแข่ง เพื่อให้ได้สิทธิ์เข้าสู่โอลิมปิกเกมส์หนนี้ของแต่ละสมาคม ให้กับ กกท.และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยด่วนเพื่อที่จะให้มีการเบิกจ่ายทันงานที่จะเกิดขึ้นของแต่ละสมาคมโดยไม่มีการสะดุด ซึ่งเพื่อความใกล้ชิดในการดำเนินงานดังกล่าว จึงมีมติตั้งคณะทำงานเพื่อสนับสนุนการพัฒนา โดยเฉพาะกลุ่ม Elite ขึ้นมา โดยจะเป็นการทำงานร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย กกท.กองทุนพัฒนาการกีฬา และสมาคมกีฬาที่เกี่ยวข้องด้วย
รองผู้ว่าการ กกท.ได้เปิดเผยต่ออีกว่า นอกเหนือจากแผนงานการสนับสนุนงบ เพื่อเตรียมนักกีฬาสู่โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่จะถึงนี้แล้ว ในที่ประชุมยังเน้นตามแนวทางของฝ่ายบริหารอีกว่า สมาคมกีฬาในกลุ่ม Elite (กลุ่มที่มีเป้าหมายเหรียญรางวัล) จะต้องเตรียมทำแผนต่อเนื่องจาก โอลิมปิกเกมส์ 2024 ไปจนถึง โอลิมปิกเกมส์ 2028 ที่นครลอสแองเจลีส สหรัฐอเมริกา มาส่งให้ กกท.และกองทุนฯในคราวเดียวกัน และในส่วนของ กกท.และกองทุนยังร่วมหารือกัน เพื่อเตรียมงบยาวรองรับแผนงานนอกจากโอลิมปิกเกมส์ 2024 ไปสู่โอลิมปิกเกมส์ 2028 แล้วยังจะเตรียมแผนจัดงบไปถึงโอลิมปิกเกมส์ 2032 ด้วย และพร้อมกันนี้นอกเหนือจากแผนงานการส่งนักกีฬาของแต่ละสมาคมดังกล่าวแล้ว ในส่วนของการพัฒนาบุคลากรทางการกีฬาของแต่ละสมาคม เพื่อที่จะผลักดันให้บุคลากรทางการกีฬาของไทย ได้พัฒนาตัวเองสามารถก้าวสู่การเป็นที่ยอมรับและส่วนร่วมในกีฬาระดับนานาชาติของสหพันธ์กีฬานานาชาติต่าง ๆ อาทิเช่น ผู้ตัดสิน กรรมการ หรืออื่นๆ ของสหพันธ์ฯ รวมทั้งผู้ฝึกสอนระดับนานาชาติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อวงการกีฬาของไทยนั้นส่วนนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ เราก็ได้ให้แต่ละสมาคมที่เป็นกลุ่มเป้าหมายทำแผนการผลักดันบุคลากรของตนเองเพื่อให้มีโอกาสไปปฏิบัติหน้าที่ในโอลิมปิกเกมส์ 2024 และ 2028 มาส่งควบคู่กับแผนการเตรียมนักกีฬาด้วย.
