มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ช่วยชุมชนสู้ภัยฝุ่น PM 2.5 จัดอบรมจัดทำพื้นที่ปลอดฝุ่นสำหรับศูนย์เด็กเล็กทั่วเชียงราย พร้อมฝึกทำเครื่องฟอกอากาศ – เครื่องเติมอากาศ อย่างง่าย

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) จัดโครงการฝึกอบรมจัดทำพื้นที่ปลอดฝุ่นสำหรับกลุ่มเสี่ยงแก่ศูนย์เด็กเล็กทั่วเชียงราย ฝึกทำเครื่องฟอกอากาศ-เครื่องเติมอากาศอย่างง่าย โดยมีศูนย์เด็กเล็กของท้องถิ่นและเอกชนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเข้าร่วมกว่า 100 แห่ง ท่ามกลางสถานการณ์หมอกควันระดับกระทบคุณภาพชีวิต-เศรษฐกิจภาคเหนือ

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) โดย ศูนย์ศึกษาวิจัยและปฏิบัติการเพื่อลดปัญหาการเกิดไฟป่า หมอกควัน ในประเทศไทยและในภูมิภาค จัดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการจัดทำพื้นที่ปลอดฝุ่นสำหรับกลุ่มเสี่ยง และฝึกปฏิบัติการทำอุปกรณ์สำหรับพัฒนาพื้นที่ปลอดฝุ่นอย่างง่ายด้วยตัวเอง โดยมีตัวแทนศูนย์เด็กเล็กของท้องถิ่นและเอกชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย กว่า 100 แห่ง เข้าร่วมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการทำเครื่องฟอกอากาศและเครื่องเติมอากาศ ( Air Filter & Aerator DIY Workshop) การจัดทำพื้นที่ปลอดฝุ่นสำหรับกลุ่มเสี่ยง ฝึกปฎิบัติการทำอุปกรณ์ สำหรับพัฒนาพื้นที่ปลอดฝุ่นอย่างง่ายด้วยตนเอง (DIY) วิทยากรจากศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์ มฟล. , พร้อมให้ความรู้เรื่องเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพที่มาจากฝุ่น PM 2.5 ต่อกลุ่มเปราะบาง โดยนักวิจัยจากสำนักวิทยาศาสตร์ ท่ามกลางสถานการณ์หมอกควันที่กระทบต่อคุณภาพชีวิต สุขภาพของคน และเศรษฐกิจภาคเหนือในวงกว้าง

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้จัดตั้ง “ศูนย์ศึกษาวิจัยและปฏิบัติการเพื่อลดปัญหาการเกิดไฟป่า หมอกควัน ในประเทศไทยและในภูมิภาค” และ “กองทุนเมืองไทยไร้หมอกควัน” เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2562 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย เนื่องจากปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่ทวีความรุนแรงขึ้นในปี 2562 ที่จังหวัดเชียงราย มีค่า PM 2.5 สูงเกิน 100 ไมโครกรัมต่อลูกบากศก์เมตร ซึ่งเป็นระดับที่เริ่มส่งผลอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนทั่วไป เป็นเวลา 120 วัน

โดยได้ดำเนินโครงการและกิจกรรมตามวัตถุประสงค์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเข้าไปมีส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงการทำการเกษตรในพื้นที่สูง ที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดไฟป่าในภาคเหนือ โดยได้รับการสนับสนุนผ่านการบริจาคเงินเข้ากองทุนเมืองไทยไร้หมอกควันจากภาคเอกชน อาทิ รายได้จาก Toyota Chiang Rai Night Run และ มูลนิธิชวน รัตนรักษ์ และการสนับสนุนเป็นสิ่งของ เช่น อุปกรณ์ดับไฟป่าจากสิงห์อาสา หน้ากากจากที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) น้ำดื่มจากสิงห์ปาร์ค เชียงราย และ มูลนิธิโคคา-โคล่า ประเทศไทย เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้จัดทำโครงการเครือข่ายวัดคุณภาพอากาศกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ ที่พัฒนาอุปกรณ์วัดคุณภาพอากาศ M-Care ร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีก่อกำเนิด (AIE) สำนักวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาออกมา 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นที่ 1 ติดตั้งในหมู่บ้านและโรงเรียนนำร่อง ใช้การส่งผ่านสัญญาณ WIFI เพื่อรายงานค่าคุณภาพอากาศรายชั่วโมง รุ่นที่ 2 ที่มีไฟแสดงผลระดับฝุ่น 5 สี เชื่อมต่อ WIFI หรือ ผ่านคลื่นวิทยุกำลังส่งต่ำ LoRa เมื่อไม่มีสัญญาณ WIFI ที่ติดตั้งให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดเชียงราย และ รุ่นที่ 3 ที่ตัดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นออก เพื่อให้มีต้นทุนการผลิตต่ำ สามารถนำไปใช้ได้เป็นการทั่วไป โดยทุกรุ่นสามารถรายงานผลแบบ Realtime ผ่านแอปพลิเคชัน “ยักษ์ขาววัดฝุ่น” https://yakkaw.com

โครงการสื่อเสียงตามสายภาษาถิ่นต่อความตระหนักของประชาชนในการแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่น PM 2.5 ร่วมกับ สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ ที่ได้ผลิตสื่อเสียงตามสาย 13 ภาษา และมอบให้กับจังหวัดไปใช้ประโยชน์ในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลเสี่ยงไฟป่า เกิดความตระหนักเห็นถึงอันตรายและผลกระทบต่อสังคมจากไฟป่าและฝุ่นควัน และสามารถป้องกันตนเอง ครอบครัว ตลอดจนชุมชนให้ปลอดภัยจากฝุ่นควันได้ นอกจากนี้ สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ และ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ยังได้มีกิจกรรมการให้ความรู้และแนวทางการรับมือ PM 2.5 โดยมีการอบรมการทำหน้ากากประดิษฐ์เอง (DIY) ที่ผ่านการออกแบบและทดสอบแล้วว่า มีประสิทธิภาพในการกรองอากาศให้กับผู้นำกลุ่มแม่บ้านในอำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่ฟ้าหลวง และ อำเภอแม่สรวย

โครงการพัฒนาต้นแบบศูนย์เด็กเล็กปลอดฝุ่น PM 2.5 ให้กับชุมชน ร่วมกับ ศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ และ สำนักวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้การทำอุปกรณ์ดักจับฝุ่น การปิดช่องอากาศ การติดตั้งเครื่องเติมอากาศ และ การตรวจวัดคุณภาพอากาศ ให้กับ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เทศบาลตำบลท่าสุด เพื่อเป็นต้นแบบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นที่ดูแลเด็กเล็ก และกลุ่มเสี่ยงเข้าศึกษาดูงาน

นอกจากนี้ ยังมีโครงการระบบสนับสนุนและติดตามการใช้งานอุปกรณ์สู้ไฟป่าสำหรับพื้นที่เสี่ยงภัย ที่สนับสนุนอุปกรณ์ทำแนวกันไฟ และดับไฟป่า เพื่อให้อาสาสมัครของชุมชนสามารถปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นไปที่ชุมชนเกษตรกรรมที่ปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกมาเป็นเกษตรอินทรีย์ที่ไม่มีการเผา และชุมชนในพื้นที่เสี่ยงไฟไหม้ จำนวน 14 ชุมชน ในอำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอแม่ลาว และ อำเภอแม่จัน มาตั้งแต่ปี 2563 โดยในส่วนของเครื่องจักรใช้ระบบให้ยืมปฏิบัติการ เพื่อประโยชน์ในการซ่อมบำรุง

RANDOM

อพวช. เชิญชวนเยาวชน นักประดิษฐ์ และผู้ที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขันพัฒนานวัตกรรมของเล่นต้นแบบเพื่อศตวรรษที่ 21 ด้วยของเล่นกลไก หัวข้อ “แรงและการเคลื่อนที่” ชิงเงินรางวัล รับสมัครตั้งแต่บัดนี้ ถึง 19 มี.ค. 67

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!