จากกรณีที่มีปัญหาของนักกีฬาคนพิการของไทย ที่เดินทางจากประเทศไทยไปกัมพูชา เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2566 เพื่อร่วมการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ครั้งที่ 12 ณ กรุงพนมเปญ มีปัญหาเรื่องไม่สามารถของการขนอุปกรณ์และกระเป๋าส่วนตัวของนักกีฬา ไปพร้อมกับนักกีฬาได้ ซึ่งกว่าของจะเดินทางไปถึงก็ต้องขนไปต่างหากและนำส่งในเช้าวันที่ 1 มิ.ย.2566 และกลายเป็นเรื่องที่ “ดราม่า” ถึงการดำเนินงานของฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวกต่อนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากประเทศไทย ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อเปรียบเทียบกับการ ที่การนำส่งและรับกลับนักกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 11 เมื่อปีที่ผ่านมา ที่อินโดนีเซีย ซึ่งได้รับการชื่นชมอย่างมากในความสะดวกสบายในการอำนวยการ
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ภายหลังมีข่าวเรื่องดังกล่าว พลตรี โอสถ ภาวิไล เลขาธิการคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สายการบิน low cost หรือสายการบินต้นทุนต่ำ ที่เดินทางไปเป็นลำขนาดกลาง ขณะที่นักกีฬาพารานั้น ต้องใช้อุปกรณ์ ของตัวเองซึ่งมีจำนวนมาก ทำให้น้ำหนักเกิน สายการบินจึงแก้ปัญหาด้วยการตีเที่ยวเปล่า เพื่อมารับสัมภาระ แต่อย่างไรก็ดีในช่วงเวลาเดินทางกลับ การจองไฟลท์ในช่วงดึกที่กัมพูชาไม่สามารถทำได้ เพราะสนามบินเขาไม่ได้ทำการ 24 ชั่วโมง ทำให้ไฟลท์เลื่อนออกไปราว 4 ชม. และสัมภาระก็เดินทางไปถึงและทำการจัดส่งเป็นที่เรียบร้อย
เลขาฯพาราลิมปิกไทย กล่าวอีกว่า การกล่าวอ้างว่าสัมภาระและอุปกรณ์ มีการตกหล่นจำนวนมาก ทำให้เกิดความเสียหายและมีผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของนักกีฬา อีกทั้งยังมีการกล่าวอ้างถึงการไม่ใช้สายการบินไทย และอาจมีผลประโยชน์ต่อคนบางกลุ่ม โดยข้อเท็จจริง ได้มีการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว และได้มีผู้เสนอราคา เสนอราคาต่ำกว่าที่ กกท ตั้งไว้ ต่างกับการบินไทย เป็นจำนวนมาก และมีข้อเสนอที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร เครื่องดื่ม หรือน้ำหนักสัมภาระ และทาง คณะกรรมการพาราลิมปิกไทย จึงจัดซื้อตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่
อย่างไรก็ตามนั้น Station THAI ได้ตรวจสอบข้อมูล ในการดำเนินการของฝ่ายดูแลนักกีฬาในครั้งนี้ โดยเฉพาะเรื่องการบริการนักกีฬาโดยการเช่าเหมาลำเครื่องบินมาบริการ พบว่าในการดำเนินการครั้งนี้แตกต่างจากการเช่าเหมาลำ ในการบริการอาเซียนพาราเกมส์ครั้งที่แล้ว ที่ได้รับการชื่นชม ในการดูแล และความสะดวกสบายเพราะเป็นการเช่าเหมาลำการบินไทย จากการประสานงานโดยตรงกับ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
เพราะปรากฏว่าในการเช่าเหมาลำในครั้งนี้ “ที่มีปัญหา” โดนดราม่า และ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากอุปสรรคการบริการนี้ เพราะว่าฝ่ายจัดการ คือคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย ได้มีการเปลี่ยนมาใช้บริษัทแห่งหนึ่งโดยใช้จากการพิจารณา จากการเปิดให้เสนอราคาการบริการเปรียบเทียบระหว่างบริษัทแห่งหนึ่งกับ กับการบินไทยซึ่งเสนอราคามาเหมือนกัน ซึ่งคณะกรรมการพาราลิมปิกไทย ได้การพิจารณาเลือกบริษัทคู่แข่ง ในการเสนอราคาแข่งกับการบินไทย โดยแจ้งต่อ กกท.ว่าที่เลือกบริษัทนี้ เพราะเสนอราคาที่ต่ำกว่าการบินไทยมากกว่า 25 % ตามหนังสือที่กระทรวงการคลังที่กำหนด จึงสามารถเลือกจ้างบริษัทดังกล่าวได้ และแม้ว่า การบินไทยจะเสนอราคาใหม่ แต่ฝ่ายจัดการก็อ้างเรื่องผลกระทบที่จะมีผลต่อการเตรียมการต่าง ๆ พร้อมยืนยันกับ กกท.ว่าควรต้องจัดจ้าง บริษัท ดังกล่าวให้ดำเนินการครั้งนี้ ซึ่ง กกท.ก็ได้แจ้งให้พิจารณาความเหมาะสมตามกรอบวงเงิน และให้เป็นไปตามหนังสือของกระทรวงการคลัง เพื่อให้คณะกรรมการพาราลิมปิกได้พิจารณาดำเนินการ และจากกรณีดังกล่าว ทางบริษัทที่รับดำเนินการจึงนำสายการบินต้นทุนต่ำแห่งหนึ่งเป็นผู้รับหน้าที่ขนส่งนักกีฬาไทย จนเกิดปัญหาดังกล่าว ที่คาดไม่ถึงกัน.