ตอนที่ 43 : คำกล่าวสุนทรพจน์ของ บารอน เดอ คูเบอร์แต็ง ในงานฉลอง 70 ปีของตนเอง : หนังสืออุดมการณ์โอลิมปิกของคูเบอร์แต็ง : แปลโดย : ดร.นิพัทธ์ อึ้งปกรณ์แก้ว

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

คำกล่าวสุนทรพจน์ของบารอน เดอ คูเบอร์แต็ง ในงานฉลอง 70 ปีของตนเอง

            ภายในโถงมหาวิทยาลัยโลซานน์ คูเบอร์แต็งขอบคุณเพื่อนทั้งหลายโดยเฉพาะ ฟรานซิส เมสซอริ สำหรับพิธีการซึ่งจัดเพื่อเป็นเกียรติแก่ตนเอง ท่านระลึกถึงการประชุมสภาโอลิมปิก ค..1913 และงานประชุมอื่นซึ่งจัดในที่เดียวกันนี้ อย่างไรก็ตาม คูเบอร์แต็งไม่ต้องการเท้าความอดีตแต่กล่าวถึงอนาคตและส่งข้อความถึงเยาวชนซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่อีกครั้ง

             ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ

            ในเวลานี้ ข้าพเจ้าต้องนำเสนอภาพที่น่าตระหนกซึ่งเป็นภาวะการณ์ที่พบได้ยากขึ้นกล่าวคือ ชายผู้มั่งคั่งเหลือล้นแต่ไม่ทราบจะแบ่งปันสมบัติได้อย่างไร ทุกสิ่งที่ได้กล่าวมานั้นคงเป็นการย้ำถึง “สายธารน้ำใจ” ของตนเองถึงแม้ความรู้สึกของข้าพเจ้าที่ติดค้างแก่ท่านด้วยการขอบคุณจะไม่ใคร่เป็นที่พึงพอใจมากนัก แต่พวกท่านคงยอมที่จะเคยชินกับสิ่งนั้นเนื่องเพราะการประชุมนี้ได้บ่งบอกถึงความสุขที่เกิดขึ้นยาวนานจากเหตุการณ์ทั้งหลายและทำให้ข้าพเจ้าสามารถที่จะแสดงความขอบคุณเป็นลำดับได้ ท่านองคมนตรีและท่านเจ้าเมือง ในไม่ช้า พวกเราจะได้อยู่เคียงข้างกันล้อมรอบหนึ่งในความมหัศจรรย์ที่ธรรมเนียมโลซานน์มีทักษะในการสร้างความหรูหราแต่รักษาไว้ซึ่งเสน่ห์และความใกล้ชิดมิตรไมตรี จากนั้น ข้าพเจ้าจะได้มีโอกาสแสดงความรู้สึกจริงจังขึงขังที่ผูกพันต่อเมืองโลซานน์และรัฐโว ในวันพรุ่งนี้จะอุทิศแก่การกีฬา ท่านประธานและสหายที่รัก ข้าพเจ้าจะได้แสดงตัวตนแก่ท่านและกล่าวกับท่านเกี่ยวกับสาระกีฬาซึ่งอยู่ในจิตใจของพวกเรา รวมทั้งการใช้โอกาสนี้ในการขอบคุณผู้ขับเคลื่อนยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างในวันเกิดข้าพเจ้ากล่าวคือ ฟรานซิส เมสซอริ ณ เวลานี้ เนื่องเพราะพวกเราได้มารวมตัวภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ซึ่งเป็นอารามของเยาวชน ความประสงค์ประการแรกของข้าพเจ้าจึงต้องการมอบสติปัญญาและแนวทางแก่พวกเขา

            สถานที่ซึ่งเป็นที่ประชุมของพวกเราแห่งนี้ ได้รื้อฟื้นความทรงจำที่ไกลโพ้นและทรงพลังภายในกายข้าพเจ้า ณ ที่แห่งนี้เมื่อสิบเก้าปีก่อน สภานานาชาติได้ปูพื้นฐานของจิตวิทยาการกีฬาซึ่งยังคงเชื่อมโยงกับผู้เข้าร่วมนามกระเดื่องคือ รูซเวลต์และเฟอร์เรอโร ประตูถัดไปคือห้องที่อีกห้าปีครึ่งต่อมาในขณะที่พวกเราเพิ่งผ่านพ้นสงครามเลวร้าย ข้าพเจ้าหาญกล้าที่จะเฉลิมฉลองห้าสิบปีของสาธารณรัฐฝรั่งเศส (ค.ศ.1870-1920) ด้วยคำบรรยายหกตอนถึงความสำเร็จซึ่งไม่มีใครใส่ใจและปฏิเสธที่จะบรรจุแสดงประวัติในที่อื่น ที่แห่งนี้เช่นกันที่ข้าพเจ้าเผยแพร่แก่สาธารณะเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับหลักพื้นฐานการปฏิรูปการศึกษามัธยมปลายและอุดมศึกษาซึ่งเรียบเรียงโดยผู้ร่วมงานและข้าพเจ้า ซึ่งพวกเขาได้สรุปบนประกาศที่มีใครบางคนชาญฉลาดในการผลักดันข้าพเจ้ามุ่งสู่ธรรมนูญปฏิรูปการกีฬา สิ่งทั้งปวงนี้สำเร็จลุล่วงภายใต้การอุปถัมภ์ของเพื่อนอธิการบดีสามท่านคือ มร.เฟลิซ มร.ลูเชิน และ มร.ชาวอน ซึ่งข้าพเจ้าไม่สามารถจะลืมเอ่ยนามได้พร้อมด้วยท่านอธิการบดี อาร์โนลด์ เรย์มอนด์ ผู้ซึ่งข้าพเจ้ามีความผูกพันในความเห็นอกเห็นใจและความชื่นชม

            อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าหวนนึกถึงเป็นสิ่งในอดีต เยาวชนชื่นชอบคำบอกเล่าเกี่ยวกับอนาคต และเป็นจริงเช่นนั้น! เราต้องไม่ลืมที่จะทำสิ่งนี้หากมีโอกาสพูดกับเยาวชน โดยเฉพาะเสียงที่มาจากวัยสนธยาไม่ว่าจะเป็นอายุหรือความเจ็บปวดซึ่งมีสิทธิที่จะได้รับรู้อย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อพวกเขาพูดด้วยศรัทธา และข้าพเจ้าต้องการจะบอกกล่าวถึงสิ่งนี้

            งานเขียนชิ้นหนึ่งของ เกอเธ่ ซึ่งได้รับการแปลงสู่กลอนภาษาอังกฤษที่ไม่เป็นที่นิยมนัก ประกอบด้วยคำแนะนำที่มีความหมายประมาณนี้คือ “เด็กน้อย ยึดจับบังโคลนให้มั่น และควบฝ่าละอองฝนอย่างกล้าหาญ!” ละอองฝน…เป็นความมืดชั่วครู่และในอีกข้างหนึ่ง พวกเราจะพบกับพระอาทิตย์และท้องฟ้าสีครามอีกครั้งหนึ่ง พวกเราต้องเชื่อมั่นในสิ่งนี้ สหายน้อยของข้าพเจ้า เป็นสิ่งแน่นอนว่า ละอองฝนที่กำลังเกิดขึ้นบนเส้นทางของท่านจะพร่ามัว ดำมืดและน่ากลัวแบบไม่ปรกติ…ข้าพเจ้าไม่ต้องการจะเพิกเฉยความน่ารังเกียจและแม้กระทั่งอันตรายที่แท้จริงของสิ่งนั้น แต่อย่าใส่ใจ จงฝ่าละอองฝนไป และข้าพเจ้าขอบอกท่านอีกครั้งว่า ท่านจะพบกับชีวิตสว่างไสวในอีกข้างหนึ่ง ฉะนั้น จงหาญกล้าและมีความหวัง! ความกล้าหาญไม่ย่นย่อ ความหวังไม่ท้อแท้

            การนำพาตนเองและอยู่รอดปลอดภัย ท่านจงสร้างเสริมเจตจำนงสามประการคือ เจตจำนงต่อกายเบิกบาน ซึ่งเป็นผลจากความบากบั่นของกล้ามเนื้อแม้จะเป็นความเพียรพยายามที่เกินควรและรุนแรงก็ตามที ถัดไปคือเจตจำนงต่อปรัตถนิยมที่ซื่อสัตย์ สมบูรณ์และตลอดเวลา…เพื่อความชัดเจน สังคมอนาคตจะมีลักษณะปรัตถนิยมหรือล่มสลายไป จงเลือกระหว่างสิ่งนั้นกับความโกลาหล สุดท้ายคือเจตจำนงต่อความเข้าใจสิ่งทั้งหลายแบบองค์รวม จงเปิดม่านตาเหล่านั้นซึ่งปกคลุมไปด้วยมายาหลงผิด ในความเชี่ยวชาญเฉพาะอย่าง อย่าเกรงกลัวที่จะเป็นผู้มองการณ์ไกล จงมองไปยังขอบฟ้าไกลของธรรมชาติและประวัติศาสตร์ จากระดับความสูงเหล่านี้ มนุษย์จะรวบรวมความเข้มแข็งและพลังบันดาลใจ

            ข้าพเจ้าปรารถนาดีแก่ทุกสิ่ง แก่เมืองอันเป็นที่รัก แก่คนรุ่นใหม่ แก่ทุกคนที่ตอบสนองต่อคำร้องขอจากและขอให้การกีฬาฝึกหัดกล้ามเนื้อและขัดเกลาจิตใจตนเองพวกเรา แก่ประเทศทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้พบกับจิตใจต้อนรับที่อบอุ่นตลอดช่วงชีวิต แก่เมืองสุกสกาวและแก่เมืองที่ยังคงมืดมิด

            “เด็กน้อย ยึดจับบังโคลนให้มั่น และควบฝ่าละอองฝนอย่างกล้าหาญ!” และอย่าหวาดหวั่น อนาคตอยู่กับท่านแล้ว

RANDOM

“ส.ส.ดร๊าฟ” ยื่นร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับรวมไทยสร้างชาติ รื้อ ลด ปลด สร้างการศึกษาที่ตอบโจทย์ ต่อประธานสภา เชื่อหากผ่านสภาฯ จะเป็นประโยชน์ต่อ ประชาชน ชุมชน ท้องถิ่น สังคม และประเทศชาติต่อไป

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!