สัมผัสแรกของ “สุริยะ-เสริมศักดิ์” กับการนำพา บอร์ด กกท.และบอร์ดกองทุนกีฬา 6 มิ.ย.2567 นี้ ที่ต้องจับตาดูศักยภาพผู้มาใหม่

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

     วันที่ 6 มิ.ย.2567 นี้ต้องถือเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงในฝ่ายบริหารรัฐบาล ที่จะมีการนับ 1 ในการประชุม คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (บอร์ด กกท.) และ คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ “บอร์ดกองทุนกีฬา” ในวันเดียวกัน

     โดย รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี คือ ท่านรองนายกฯ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะประธานทั้ง2 บอร์ด ที่ถือเป็นกลไกสำคัญของวงการกีฬา จะนั่งเป็นหัวโต๊ะทั้ง 2 บอร์ด เป็นครั้งแรก หลังได้รับมอบหมายมา ขณะที่ท่านรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ก็จะนั่งในฐานะรองประธานทั้ง 2 บอร์ด เป็นครั้งแรกเช่นกัน

     นี่คือการเข้ามาใหม่ของฝ่ายบริหารรัฐบาลในตำแหน่งใหญ่ แทน 2 ท่านเก่าจากพรรคเพื่อไทยด้วยกัน ที่ผ่านไปซึ่งสรุปผลงานได้ง่ายมาก คือ “ไม่ปรากฏผลงานที่เป็นรูปธรรมเลย”

     ในนามสื่อ Station THAI เอ่ยถึงวันนี้ เพื่อย้ำฝากถึงประธาน 2 บอร์ด ว่า จากกระแสที่มีการเอ่ยถึงการทำงานของฝ่ายบริหารระดับท่าน ที่ผ่านมาไม่ลงลึกกับปัญหา “ที่จะนำพาไปสู่การแก้ไขใดๆ” ซึ่งมันจึงเป็นรอยต่อถึงฝ่ายปฏิบัติงาน ในวงการกีฬาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ที่จะละเลยการสนใจแก้ไขใดๆ จนกลายเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ยาวนาน

     ถึงบอร์ด กองทุนกีฬา….มีประเด็นซ้ำซากอยู่อย่างเดียวที่ควรเอ่ยถึงคือ เรื่องของการดูแลสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ แห่งจังหวัด มีเกณฑ์ของความเท่าเทียมอยู่ตรงไหนในการดูแล สนับสนุน ส่งเสริมเขา

     ปัญหาที่ต่อเนื่องมายาวนานคือ เรื่องของการขอรับการสนับสนุนจากกองทุน ติดๆ ขัดๆ คือเอาแน่อะไรไม่ได้ ไม่มีคำตอบ ไม่มีคำอธิบาย ในขบวนการและกระบวนการ ทั้งที่ในส่วนงบที่เป็น “พื้นฐาน” อย่างการขอรับการสนับสนุน-ส่งเสริม เพื่อส่งแข่ง การจัดแข่ง และ การจัดอบรม ที่ทุกสมาคมควรจะได้เท่าเทียมในแต่ละปี ก็ยังเกิดปัญหา ไม่นับรวมถึงการขอกรณีพิเศษที่จำเป็น

     สมาคมกีฬาที่มีมากกว่าครึ่ง งานสะดุด เพราะเจอปัญหาเรื่องของบและรองบจากกองทุน จะจัดแข่ง จัดงาน จัดส่ง บางครั้งก็ทำไม่ได้ และบางทีดำเนินการไปก่อน ก็เสี่ยงที่จะได้หรือไม่ได้รับการอนุมัติ แล้วพอเรียกร้องออกข่าว ก็โดนเพ่งเล็งจากฝ่ายบริการ ที่ทำตัวเป็นเจ้านาย ตั้งแต่พนักงานระดับนั่งรับเอกสารไปจนถึงหัวแถว จนต้องปิดปากรอด้วยกล้ำกลืน

      “สิ่งที่ฝากคือ ท่านไปเปิดดูว่าเงินกองทุนออกไปที่สมาคมไหนมาก-น้อย มีเหตุผล ที่มาที่ไปอะไรถูกต้องไหม และทำไมงานบริการสมาคมยังมีการติดขัดในการขอรับการสนับสนุนที่เขาควรได้ และมีความเหลื่อมล้ำการได้งบของสมาคมกีฬาประเภทมือใครยาวสาวได้สาวเอาในงบกองทุน มีจริงไหม”

     และในส่วนบอร์ด กกท. เรื่องอื่น ๆ ก็ว่ากันไป ส่วนที่ต้องฝากคือเป็นปัญหาภายใน กกท.ที่บางส่วนเกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองว่า วันนี้ท่านลองสืบเล่นๆ ดูว่า จากเสียงที่มีการพูดถึงและฝากมานั้น มันใช่หรือไม่บางส่วน เช่น มีความคับข้องใจกันในหมู่ผู้บริหาร กกท.ระดับต่างๆ จริงไหม / มีเจ้าแม่เจ้าพ่อที่ใช้อำนาจอ้างอิงในการจัดการใดๆ จนสร้างความว้าวุ่น ในองค์กรจริงไหม / การคัดเลือกคัดสรรคนเข้าสู่ตำแหน่ง อยู่ที่ความพอใจและการฝากฝังจากฝ่ายการเมือง แทนที่ควรได้คนตรงกับงานจริงไหม / มีบริษัทเอกชนที่อยู่ในโครงข่าย “ผลประโยชน์ทับซ้อน” กับผู้บริหารระดับสูง และฝ่ายการเมือง วนเวียนในการรับงานภายใน กกท.จริงไหม / การใช้หลักธรรมาภิบาลภายในล้มเหลวจริงไหม / พนักงานระดับ 7-8 หรือ แม้แต่ 9 ไม่มีการแต่งตั้งแทนคนเก่าที่เกษียณไปนานพอสมควรแล้วจริงไหม และสุดท้ายเรื่องเงินทุนสำรอง-เงินทุนหมุนเวียน กกท. ก่อนหน้านี้พันกว่าล้าน ที่สะสมไว้ตอนนี้เหลือเท่าไหร่ มีฝ่ายการเมืองเกี่ยวข้องในการนำออกไปใช้จริงไหม….ฯลฯ

     นี่คือหลากหลายเรื่องราวตามกระแสเสียงที่ผ่านมาถึง ซึ่งก็ไม่ได้เชื่อ 100% แต่เมื่อมีเสียงซ้ำบ่อย ๆ ก็อยากฝากต่อ เพราะหน้าที่นี้คนที่จะหาคำตอบ และตอบสังคมกีฬาที่เอ่ยถึงเรื่องนี้มาคือ “คนใน 2 บอร์ดหลักของวงการกีฬา” โดยเฉพาะผู้นำผู้มาใหม่ที่กำลังเริ่มงาน อย่างท่านสุริยะและท่านเสริมศักดิ์ พร้อมทีมงาน

     ซึ่งสรุปปิดท้ายก็คือ ต้องก็แล้วแต่ท่านผู้มาใหม่และเริ่มลุยในเก้าอี้ใหญ่วงการกีฬา จะพิจารณาดำเนินการใดๆ เพราะถ้ามีคำตอบที่ดี และหากพบปัญหาจริงมีการแก้ไขที่ดี ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียของวงการกีฬาขอรับ.

RANDOM

NEWS

ม.หอการค้าไทย ชวนน้อง ๆ มัธยมปลายร่วมโครงการ “แคมป์เด็กหัวการค้า ปีที่ 11 จุดประกายความฝัน…ปั้นผู้นำธุรกิจ” บ่มเพาะนักธุรกิจรุ่นเยาว์ ต่อยอดพัฒนาเศรษฐกิจประเทศในอนาคต เปิดรับสมัครแล้ว ถึง 3 ตุลาคม

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!