สอศ. เร่งประสาน กระทรวงเกษตร หารือแนวทางให้วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี เข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ปีการศึกษา 2567

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า จากประกาศคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ประจำปีการศึกษา 2567 ลงวันที่ 30 เมษายน 2567 สำนักเทคโนโลยีชีวภาพการผลิตปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่งผลกระทบให้วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี จำนวน 14 แห่ง ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่ดำเนินการเลี้ยงโคนม และผลิตอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ อีกทั้ง ฟาร์มโคนม และโรงงานแปรรูปผลิตของวิทยาลัยที่มีและสร้างขึ้น เพื่อการจัดการเรียนการสอนให้นักเรียน นักศึกษา และการฝึกอาชีพให้เกษตรกร ส่งผลกระทบให้ขาดแหล่งเรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษา และเกษตรกร ซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบทวิภาคี “การจัดโรงงานในโรงเรียน” นักเรียน นักศึกษา ขาดกิจกรรมการหารายได้ในระหว่างเรียน เงินบำรุงการศึกษาในการพัฒนาอาคารสถานที่ และกิจกรรมการเรียนการสอน และกระทบไปถึงการเลิกจ้างในส่วนต่าง ๆ เช่น พนักงาน ลูกจ้างชั่วคราว รถขนส่งนมโรงเรียน

เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวต่อว่า จากประกาศดังกล่าว พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีข้อห่วงใยถึง วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี ที่ได้รับผลกระทบ และได้กำชับให้ สอศ. ดำเนินการเร่งด่วน เพื่อหาแนวทางการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดย สอศ. ได้เร่งประสานหาแนวทางเพื่อขอยกเว้นหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ประจำปีการศึกษา 2567 กับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี ทั้ง 14 แห่ง ที่เคยเข้าร่วมโครงการฯ สามารถดำเนินงานต่อได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการประสานงานอย่างเป็นทางการ โดย สอศ. ได้จัดทำหนังสือรายงานเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อลงนามในการขอยกเว้นหลักเกณฑ์ ไปยัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมทั้งประสานหารือในหน่วยงานระดับกรมควบคู่กันไปด้วย ซึ่งข้อความที่เกี่ยวข้องในประกาศคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนประจำปีการศึกษา 2567 ที่ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี ไม่สามารถดำเนินการตามโครงการฯ อยู่ที่ ข้อ 5.11 ความว่า “ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมที่เป็นสหกรณ์/ส่วนราชการ ต้องมี ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบและโคนมเป็นของตนเอง โดยมีแม่โครีดนมไม่น้อยกว่า 200 แม่ หรือ มีโคนมที่สามารถผลิตปริมาณน้ำนมดิบ ไม่น้อยกว่า 3 ตันต่อวัน” ซึ่งการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้เป็นข้อจำกัดของ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี ที่เคยเข้าร่วมโครงการมาแล้วตั้งแต่ต้น

วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับงบประมาณก่อสร้างโรงงานแปรรูปนมและครุภัณฑ์ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 มูลค่า 280 ล้านบาท จำนวน 14 วิทยาลัย แต่ปัจจุบันมีจำนวน 10 วิทยาลัย ที่ได้ดำเนินการแปรรูปนมอยู่ และ 4 วิทยาลัย ได้หยุดปรับปรุงโรงงานนมและปรับปรุงฟาร์มโคนม วิทยาลัยที่ดำเนินการอยู่มีฟาร์มเลี้ยงโคนม และโรงงานนม อยู่ภายในวิทยาลัย เพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอนของนักเรียน นักศึกษา ซึ่งเป็นสมาชิกขององค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อกท.) ให้มีการเรียนรู้ด้านการปฏิบัติจริง (Learning by doing) และฝึกประกอบอาชีพ หารายได้ระหว่างเรียน มีนักเรียน นักศึกษา ที่ฝึกปฏิบัติในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และ ระดับปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ (ทล.บ.) ฝึกอบรมเกษตรกรรมระยะสั้น และศึกษาดูงาน จำนวน 11,020 คน โดยมีกระบวนการผลิตแบบครบวงจร เป็นแหล่งเรียนรู้ให้นักเรียนนักศึกษาและเกษตรกร เช่น การเลี้ยงโคนม การดูแลสุขาภิบาล การจัดทำแปลงหญ้า การรีดนม การควบคุมคุณภาพน้ำนมดิบที่ได้มาตรฐาน อย. และ GMP จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้รับการรับรองมาตรฐานโรงงานจาก กระทรวงอุตสาหกรรม ในการนำน้ำนมดิบเข้าสู่โรงงานแปรรูปนมของวิทยาลัย ตลอดถึงการจัดส่งนมไปยังโรงเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงที่ตั้งของวิทยาลัย ซึ่งในปี 2566 มีจำนวน 1,271 โรงเรียน มีจำนวนนักเรียนที่ได้รับนมของวิทยาลัย จำนวน 148,293 คน

RANDOM

เมื่อ ไอบ้า ท้ารบ… “ไอโอซี” ก็เริ่มแผนกำราบ โอลิมปิกเกมส์ยังไม่แน่ และยังไม่รู้ศึกนี้จะจบอย่างไร หลายปัญหาที่รุมเร้าจนป่วน ฤา..วันนี้จะถือเป็นช่วงที่เรียกว่าเวรกรรมกีฬามวยสากลซึ่งต้องเจอปัญหาอย่างไม่จบสิ้นนี้แล้วจริงๆ

NEWS

ม.หอการค้าไทย ชวนน้อง ๆ มัธยมปลายร่วมโครงการ “แคมป์เด็กหัวการค้า ปีที่ 11 จุดประกายความฝัน…ปั้นผู้นำธุรกิจ” บ่มเพาะนักธุรกิจรุ่นเยาว์ ต่อยอดพัฒนาเศรษฐกิจประเทศในอนาคต เปิดรับสมัครแล้ว ถึง 3 ตุลาคม

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!