มจธ. แนะ SME อยากอยู่รอด หนุนใช้ AI ดำเนินธุรกิจ ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอีไทย

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมมีบทบาทสำคัญในภาคธุรกิจ ทั้งขนาดใหญ่และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME : Small and Medium Enterprises) การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) มาใช้ในองค์กร กลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

นายวรรณภพ กล่อมเกลี้ยง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สำนักเคเอกซ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT Knowledge Exchange for Innovation Center: KX) กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเอสเอ็มอีไทยกับการใช้เอไอว่า เอไอ คือ ผู้ช่วยชั้นดีของเอสเอ็มอีไทย ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าตอนนี้เอสเอ็มอีไทยไม่เริ่มเรียนรู้ หรือ นำเอไอมาใช้ จะแข่งขันในตลาดปัจจุบันยาก หรือ อาจจะแข่งขันไม่ได้เลยในอนาคต

เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการไทย และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักเคเอกซ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KX) จึงร่วมมือกับ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) จัด “โครงการ Smart Connect Business Initiative” (โครงการเชื่อมโยงธุรกิจด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ) สนับสนุนผู้ประกอบการไทยในยุคดิจิทัล ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้ และเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษา แนะนำ และติดตามการพัฒนา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ในการพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการมอบเครื่องมือดิจิทัลที่เข้าถึงง่ายและราคาประหยัดให้แก่เอสเอ็มอี อาทิ เครื่องมือเอไอสำหรับการประกอบธุรกิจ ระบบบริหารจัดการทรัพยากรในองค์กร (ERP : Enterprise Resource Planning) ขนาดเล็ก ที่ช่วยจัดการด้านการเงิน บัญชี และลูกค้าสัมพันธ์ รวมถึงการให้คำปรึกษาและอบรมด้านเทคโนโลยี เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง

“เป้าหมายหลักของโครงการ คือ การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอีไทย ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และเปิดโอกาสให้เข้าถึงตลาดใหม่ ๆ นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมให้เอสเอ็มอีไทยมีนวัตกรรมเป็นของตนเอง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของประเทศ”

หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ KX ได้พัฒนาและนำมาใช้ในโครงการ คือ ระบบบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร (ERP) ร่วมกับ Dynamics Motion Co., Ltd. ซึ่งเป็นพันธมิตรในการพัฒนาที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ด้วยค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนในการบริหารจัดการองค์กร และสามารถจัดเก็บ จัดการข้อมูลสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการให้ผู้ประกอบการเห็นถึงความสำคัญของการนำ AI มาช่วยในการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบัน เช่น การใช้ AI ในการตรวจสอบความถูกต้องของใบเสร็จ และการใช้ AI ในการออกแบบเอกสาร ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนในการทำงาน รวมถึงการสร้างความเข้าใจศักยภาพ และการใช้เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) เพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในตลาด

การใช้เอไอ และ ระบบ ERP มีประโยชน์อย่างมากต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพราะสามารถช่วยบริหารจัดการระบบบัญชี การเงิน การจัดการคลังสินค้า ออกบิล เก็บฐานข้อมูลลูกค้าได้ จากเดิมที่ต้องใช้คนหลายคนในการดูแลงาน แต่ระบบนี้สามารถใช้คนเพียงคนเดียวในการดูแล ช่วยลดต้นทุน ทั้งเรื่องการเงินและเวลาของธุรกิจลง เมื่อใช้เงินน้อยลง แต่ทำงานได้เร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น นี่คืออีกหนึ่งแต้มต่อในการแข่งขันของเอสเอ็มอีไทย นอกจากนี้ ยังมีการนำระบบเครือข่าย Internet of Things (IoT) มาใช้เป็นตัวช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเชื่อมโยงเครื่องมือ เครื่องจักรต่าง ๆ เข้าด้วยกัน สามารถตรวจสอบและควบคุมกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตได้” นายวรรณภพ กล่าวถึงเครื่องมือที่เข้ามาหนุนเสริมศักยภาพของเอสเอ็มอีไทย

ด้าน ดร.สุขยืน เทพทอง วิทยากรในหัวข้อ “AI FOR ENTREPRENEUR” กล่าวเพิ่มเติมว่า การนำเอไอมาใช้ จะช่วยเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการได้เป็นอย่างมาก เอไอจะเข้ามามีบทบาทและช่วยเสริมการทำงานของหลายฝ่ายในองค์กร โดยเฉพาะงานหลายอย่างที่ซับซ้อน และต้องใช้เวลานาน โดยเอไอจะเป็นเครื่องมือที่สามารถจัดการได้อย่างถูกต้อง และเร็วกว่ามนุษย์หลายเท่า เช่น การวางแผนธุรกิจ ที่สามารถกำหนดเป้าหมายการเติบโต พร้อมทั้งแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนให้เราทราบได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนับเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจ เหมือนเอไอเป็นการติดอาวุธให้ธุรกิจขนาดเล็กให้เข้มแข็ง และมีความพร้อมที่จะต่อยอดไปสู่การขยายธุรกิจไปในตลาดที่ใหญ่ขึ้นต่อไป

ผู้ประกอบการท่านใดสนใจที่จะพัฒนาสินค้าและบริการด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ ต้องการแชร์ไอเดียธุรกิจเพื่อต่อยอดสู่ธุรกิจฐานนวัตกรรม สามารถติดต่อได้ที่ สำนักเคเอกซ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT Knowledge Exchange for Innovation Center: KX) โทร. 02-470-7998 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/imafkxbuild

RANDOM

NEWS

ม.หอการค้าไทย ชวนน้อง ๆ มัธยมปลายร่วมโครงการ “แคมป์เด็กหัวการค้า ปีที่ 11 จุดประกายความฝัน…ปั้นผู้นำธุรกิจ” บ่มเพาะนักธุรกิจรุ่นเยาว์ ต่อยอดพัฒนาเศรษฐกิจประเทศในอนาคต เปิดรับสมัครแล้ว ถึง 3 ตุลาคม

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!