โซดาไฟ (Caustic Soda) หรือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ (Sodium Hydroxide) เป็นสารเคมีที่มีสูตรทางเคมี คือ NaOH มีทั้งชนิดสารละลาย และชนิดแข็ง (ก้อน เม็ด เกล็ด ผง) มีคุณสมบัติเป็นเบสแก่ ไม่มีกลิ่น มีฤทธิ์กัดกร่อนมาก เมื่อสัมผัสกับผิวหนังอาจทำให้เกิดการไหม้อย่างรุนแรง โซดาไฟที่อุณหภูมิสูง จะเกิดไอชื้นที่มีฤทธิ์เป็นเบส ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ และเมื่อนำไปละลายน้ำ อาจทำให้เกิดความร้อนขึ้นได้
หลายคนอาจคุ้นเคยว่า โซดาไฟ ถูกนำมาใช้ในการทำความสะอาดท่อระบายน้ำอุดตัน แต่รู้หรือไม่ว่า…มีการนำโซดาไฟ ไปใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น อุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเยื่อกระดาษ อุตสาหกรรมสบู่และสารซักล้าง เป็นต้น
อันตรายจากโซดาไฟ
โซดาไฟ มีฤทธิ์เป็นเบสแก่ สามารถกัดเนื้อเยื่อได้ และหากหายใจเอาละอองเข้าไป จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ปอดอักเสบ หากเข้าตา อาจทำให้ตาบอด หากสัมผัสผิวหนัง จะทำให้ผิวหนังไหม้อย่างรุนแรง และหากรับประทานเข้าไป จะเกิดการไหม้ในปาก คอ และกระเพาะอาหาร ถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้
ข้อมูลเพิ่มเติมทางพิษวิทยา
– การหายใจเข้าไป ระคายเคืองจมูก คอ ปอด ไอ แสบคอ หายใจถี่ หายใจลลำบาก
– การสัมผัสทางผิวหนัง กัดเนื้อเยื่อผิวหนัง ผิวหนังเป็นผื่นแดง ผิวหนังไหม้อย่างรุนแรง
– การสัมผัสทางดวงตา กัดเนื้อเยื่อดวงตา ตาแดง ตามัว ดวงตาไหม้อย่างรุนแรง อาจตาบอดได้
– การกลืนกิน แสบคอและหน้าอก ปวดท้อง ท้องร่วง คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ช็อก อาจหมดสติ หรือเสียชีวิต
การทำปฏิกิริยาของโซดาไฟ
– โซดาไฟ ทำปฏิกิริยารุนแรงกับกรดทุกชนิด และเมื่อละลายน้ำจะทำให้เกิดความร้อน
– โซดาไฟ ทำปฏิกิริยากับโลหะ เช่น ทองแดง โลหะผสม (Alloy อัลลอยด์) ของทองเหลือง หรือ สำริด ทำให้เกิดการออกซิไดซ์
– โซดาไฟ ทำปฏิกิริยากับโลหะ เช่น อลูมิเนียม สังกะสี ดีบุก ตะกั่ว ทำให้เกิดแก๊สไฮโดรเจน ซึ่งไวไฟ
วิธีรับมือเมื่อร่างกายได้รับโซดาไฟ
– หากหายใจเข้าไป ให้ย้ายผู้ป่วยไปยังบริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ถ่ายเท หากหายใจไม่สะดวก ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ และรีบนำส่งแพทย์ทันที
– หากสัมผัสทางผิวหนัง ถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนออกทันที แล้วล้างออกด้วยน้ำปริมาณมาก
– หากสัมผัสทางดวงตา ล้างด้วยน้ำปริมาณมาก โดยลืมตาให้กว้าง ให้น้ำไหลผ่านอย่างน้อย 20 นาที
– หากกลืนกิน ห้ามทำให้ผู้ป่วยอาเจียน บ้วนปากด้วยน้ำสะอาด
ดูคลิป รื่อง ความปลอดภัยในการทำงานกับสารเคมี ตอน 1 ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=on1qlg7kl58
ขอบคุณข้อมูลจาก สสวท.