จากที่สมาคมกีฬาบริดจ์แห่งประเทศไทย ส่งเยาวชนทีมชาติ จำนวน 4 ทีม ใน 2 รุ่นอายุ คือ U21 และ U26 ไปร่วมบริดจ์ชิงแชมป์อาเซียน รายการ 7th South East Asia Bridge Federation Cup ณ The Margo Hotel Depok กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 26 – 29 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งผลปรากฏว่าเยาวชนทีมชาติไทย คว้าเหรียญทองจากรายการในประเภทรุ่นอายุ U21 ปี และเหรียญทองแดงในประเภทเดียวกัน
นายชยวัฒน์ พิเศษสิทธิ์ นายกสมาคมกีฬาบริดจ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า พอใจผลการแข่งขันในครั้งนี้ โดยเหรียญทอง และเหรียญทองแดง ในประเภทเยาวชนอายุไม่เกิน 21 ปีนั้น เป็นเป้าหมายลำดับต้นๆของสมาคมฯ ตามแผนในการเตรียมทีมเยาวชนทีมชาติในการชิงแชมป์อาเซียนในปีหน้า ซึ่งจะจัดการแข่งขันที่ประเทศไทย โดยนักกีฬากลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลผลิตจากการทำโครงการเผยแพร่กีฬาบริดจ์สู่ภูมิภาค และโครงการชิงชนะเลิศประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดีฯ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สมาคมฯ เฝ้าฟูมฟักนักกีฬารุ่นนี้ให้ขึ้นมายืนหนึ่งในเอเชีย และแถวหน้าในระดับโลก โดยแผนงานสมาคมฯ เป้าหมายทำผลงานในระดับโลกให้ได้ ส่วนประเภทเยาวชนอายุไม่เกิน 26 ปี นั้น แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในการคว้าเหรียญรางวัล แต่ดูจากผลงานก็น่าพอใจ เพราะสามารถเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายได้ 1 ทีม ส่วนอีกทีมเป็นทีมเยาวชนหญิง ซึ่งต้องเล่นร่วมกับผู้ชาย ซึ่งไม่ตรงรุ่น แต่สมาคมฯก็ส่งเข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อดูผลงานและเตรียมปรับทีมให้เหมาะสมในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียในปีหน้า ต้องขอชื่นชมนักกีฬา ทีมงานสตาฟฟ์โค้ช ทุกท่าน รวมถึง ผู้ให้การสนับสนุนทั้ง GPSC และ Bangkok Bank ที่สนับสนุนงบประมาณ ให้เยาวชนไทยได้มีโอกาสแสดงฝีมือ
นายกสมาคมกีฬาบริดจ์ของไทย กล่าวต่ออีกว่า น่าเสียดายที่กีฬาบริดจ์ ไม่ได้รับโอกาสให้บรรจุในการแข่งขันซีเกมส์ ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในปีหน้า เพราะรายการดังกล่าว จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนทีมชาติไทยได้ดีอย่างยิ่ง จริงๆ สมาคมฯมีความพร้อมทั้งการจัดการแข่งขันที่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มประเทศอาเซียน ทั้งบุคลากร ทั้งผู้ตัดสิน และฝ่ายเทคนิค ที่ได้รับเชิญให้ร่วมจัดการแข่งขันในระดับนานาชาติมาโดยตลอด ทั้งนักกีฬาที่ทำผลงานในทีมชาติและทำผลงานในมหกรรมการแข่งขันมาโดยตลอด ในงานแข่งที่ได้รับการบรรจุในมหกรรมกีฬา ไม่ว่าจะเป็นซีเกมส์ปี 2011 ไทยคว้ามา 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง หรือจะเป็นการแข่งขันที่มหกรรมในระดับเอเชีย อย่าง เอเชี่ยนเกมส์ นักกีฬาบริดจ์ไทยก็คว้าเหรียญเงินในปี 2018 และเหรียญทองแดง ในปี 2023 ที่หางโจว ปีที่ผ่านมา เหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นถึง ความสามารถของนักกีฬา ความสามารถของผู้ฝึกสอนชาวไทย และความสามารถในการบริหารงานของคณะกรรมการบริหารสมาคมบริดจ์แห่งประเทศไทย เหล่านี้กลับไม่ถูกสะท้อนหรือส่งเริมจากหน่วยงานกีฬาที่เกี่ยวข้อง ก็ยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังอยู่เหมือนกัน
“แม้จะเจอปัญหาอุปสรรคมากมายในการทำงาน แต่ผมและทีมงานคณะกรรมการบริหาร ยังคงมุ่งมั่นทำงานต่อไป ยังคงตั้งเป้าหมายที่จะนำกีฬาบริดจ์ของประเทศ ไปยืนแถวหน้าของโลก และสร้างเยาวชนไทยให้เป็นประชากรที่ดีมีคุณภาพให้กับประเทศผ่านกีฬาบริดจ์ของเรา” นายชยวัฒน์ฯ ย้ำในตอนท้าย
