เสียงร้องจาก กลุ่มกีฬา กลุ่มหนึ่ง ที่น่าจะสะท้อนให้ได้มีการมองถึง “ปัญหาคาใจ” บ้าง
หลังจากกลุ่มกีฬากลุ่มนี้ต้องออกจากการแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 47 ที่ศรีสะเกษ หรือ ศรีสะเกษเกมส์ เพราะมีนักกีฬาในทีมติดโควิด 19 ซึ่งตามข้อตกลงร่วมกันแล้วนั้น เมื่อมีใครในทีมติดโควิด ทีมนั้นๆ จะเป็นกลุ่มเสี่ยง ต้องออกจากการแข่งขัน หมายถึงการให้กลับบ้าน ต้นสังกัดทันที
ข้อตกลงนี้เกิดขึ้น หลังจากนักกีฬาทุกทีมที่จะเข้าศรีสะเกษ ต้องตรวจมาจากจังหวัดต้นสังกัดมาแล้ว และมาตรวจอีกครั้งที่จังหวัดศรีสะเกษ และตรงนี้เองที่เป็นจุดสกัดว่า ทีมต่าง ๆ จะได้ไปต่อหรือต้องห่อเสื้อผ้ากลับบ้าน ด้วยมาตรการเข้มที่ทุกคนเข้าใจ
แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่มาตรการนี้
ปัญหาที่ตามมากับเหล่านักกีฬาที่ต้องกลับบ้าน ทั้งที่เป็นผู้ติดโควิด หรือเสี่ยงสูงคือ กติกาการเรียกเงินเบี้ยเลี้ยง นักกีฬา และเจ้าหน้าที่คืน ของการกีฬาแห่งประเทศไทย จากทีมกีฬาต่าง ๆที่ต้องกลับบ้านเพราะปัญหาโควิด โดยจะตัดตั้งแต่วันที่กลับออกจากศรีสะเกษ จนถึงวันสุดท้ายตามเงื่อนไขการแข่งขันของแต่ละชนิดหรือประเภทกีฬา
ซึ่งหากว่าไปแล้วนั้น มาตรการการเรียกเงินคืนนี้ก็ “ไม่ผิด”
แต่ผู้ทำทีมกีฬากลุ่มนี้ อยากขอให้ผู้ใหญ่ใน กกท.ช่วยพิจารณา
นี่คือประเด็นคำร้องขอ ของผู้ดูแลทีมนักกีฬากลุ่มหนึ่งที่ต้องคืนเงินเบี้ยเลี้ยงของนักกีฬาที่ กกท.แต่ละจังหวัดให้มาเต็มเวลาการแข่งขันของชนิดกีฬานั้น ๆ ซึ่งเมื่อทีมได้รับมาเต็มแล้ว ก็แจกจ่ายให้กับนักกีฬาไปแล้ว ตัวนักกีฬาเองก็ใช้จ่ายไปแล้วเพราะคิดไม่ถึง และมีบางอย่างที่ต้องใช้ในกลุ่มที่ถือเป็นข้อตกลงจัดการภายในกันแล้ว …แล้วคนทำทีมอย่างเราจะเรียกเงินคืนจากเด็กๆ ได้อย่างไร
ผู้ทำทีมท่านหนึ่งที่เจอปัญหา….ฝากถึงผู้ใหญ่ ในกกท.ให้ช่วยพิจารณา บอกว่า การเข้ามาร่วมงานนี้ซ้อมมานานมาก เพื่อให้เด็กได้เต็มที่ที่สุด ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเกิดขึ้นมาตลอด ทุกคนใส่ใจกติกาของงาน การตรวจโควิดก่อนเดินทาง และ การมาตรวจที่งาน เมื่อพบปัญหา ทุกคนเศร้า ทั้งคนติดและคนเสี่ยง แต่ทุกคนยอมรับสภาพทำอะไรไม่ได้ แต่ก็อยากให้ผู้ใหญ่เห็นใจ ในประเด็นการ“การเรียกเงินคืน”
จึงอยากเสนอผ่านสื่อ Station-THAI เพื่อให้ผู้ใหญ่ กกท.มอง พร้อมมีข้อเสนอว่า “ควรมองว่าทีมเหล่านี้ ว่าเป็นทีมที่มีส่วนร่วมแล้ว” และอยู่ในกติกาของผู้เข้าร่วมแข่งขัน แต่ลงแข่งไม่ได้เพราะเหตุสุดวิสัย หรือเป็นอุบัติเหตุ ก็อยู่ในสถานะทีมแพ้ (ในโปรแกรมแข่งทีมต่างๆ เหล่านี้จะถูกทีมคู่แข่งขันชนะผ่าน) หรือไม่อย่างนั้นก็คิดเหมือนเป็นทีมตกรอบแล้วต้องออกจากเกมการแข่งขันกลับบ้าน ซึ่ง กกท.ก็ไม่มีการเรียกเงินคืนในช่วงเวลาที่เหลือตามกำหนดแข่งขันจากกลุ่มนี้
หากทำเช่นนี้ได้…ทุกอย่างก็จะง่ายและจบลงด้วยความเข้าอกเข้าใจกัน เพราะไม่มีใครอยากที่จะให้ทุกอย่างเกิดขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้น หากทีมต่าง ๆ ที่เสียใจอยู่แล้ว ถูกกระทำอย่างนี้มันเหมือนไม่เห็นอกเห็นใจกัน เพราะลำพังคนทำทีมกีฬาก็รู้กันว่าขาดทุนส่วนตัวแบบใจจะขาด ทั้งคัดภาค และ มาแข่งระดับมหกรรม แต่ทุกคนที่ทนทำงานกีฬา ก็เพื่อเด็กจะได้มีโอกาสที่ดี…ผมฝากด้วยนะครับ ผู้ทำทีมท่านนั้นร้องขอ
เราในฐานะสื่อ ก็ลองเขียนเรื่องนี้ เพื่อให้ผู้ใหญ่ในการกีฬาแห่งประเทศไทยพิจารณา ด้วยการลองมองทางออกด้วยความเข้าใจ เพราะหนึ่งกลุ่มใหญ่เหล่านี้รอคำตอบอยู่ด้วยความคาดหวังว่า กกท.จะเข้าใจและเห็นใจ