ตามเรื่องราวที่ Station THAI ได้นำเสนอเรื่องราวของการชกมวยรายการใหญ่ที่พะเยา ตามภาพในเรื่องที่เขียนนี้ ซึ่งถือเป็นมวยไทยรายการใหญ่ ในฐานะคนวงการกีฬาและสื่อกีฬาต้องบอกว่าเป็นเรื่องดีต่อชาวพะเยา และผู้ที่ได้ชมผ่านสื่อต่าง ๆ เพราะรายการยักษ์ขนาดนี้ในเมืองไทยถือว่าเป็นเกรด เอ
ประเด็นที่จะเอ่ยถึงคงไม่ใช่เรื่องงานการชกมวยนี้เพราะเป็นเรื่องดีและอยากให้จัดทุกจังหวัดทุกตำบลทุกหมู่บ้าน เพราะจะเป็นบุญของคนได้ชมของดีระดับนี้
แต่เป็นประเด็นที่มี “เสียงสะท้อน” มาถึง Station THAI ที่เคยเขียนถึงเรื่องชื่อรายการมวยครั้งนี้ ที่มี “ชื่อกองทุนกีฬา” หรือ กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ที่หมายถึง กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เพราะ โลโก้ของกองทุนฯ หราอยู่ในงาน จนคนเข้าใจว่ากองทุนจัดเองในใบประชาสัมพันธ์รายการ (ดูตามภาพประกอบ) รวมถึงการส่งคลิปโปรโมทรายการจัดมวยครั้งนี้ที่ยังประกาศให้เข้าใจได้ชัดอีกว่ากองทุนร่วมในฐานะผู้ดำเนินการจัดครั้งนี้
Station THAI ได้เคยเขียนถึงเรื่องป้ายและการใช้ชื่อในป้ายเหมือนกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติร่วมจัดนั้น ไม่ใช่หน้าที่กองกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติที่จะเป็นผู้จัดกีฬา แต่เป็นได้แค่เพียงผู้หนุน ที่มอบเงินสนับสนุนงานนี้ (ไม่รู้เท่าไหร่เพราะไม่มีการเปิดเผย) และโลโก้หนุนก็คงเหมือนโลโก้อื่น ๆ ที่อยุ่ในงาน รวมทั้งโลโก้ของ กกท.และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่เปรียบเหมือนแค่ตัวประกอบของงานนี้
เราต้องยอมรับว่า “สื่อ” อย่าง Station THAI ของเราแม้รัฐธรรมนูญเปิดไว้ว่าสามารถแสดงบทบาทและหน้าที่ได้ แต่เรารู้ชัดว่าคงตรวจสอบลงลึกอะไรไม่ได้มาก ก็ได้เพียงแต่เมื่อมีเสียงมาถึงก็สอบถามตามกระแสที่สะท้อนให้เห็นภาพอีกมุมที่มองถึงงานนี้ ….ซึ่งขอเลี่ยงในเรื่องของเสียงสะท้อนจากนักการเมืองกลุ่มอื่น ๆ ที่ถล่มเมื่อเห็นภาพ “การเมือง” ปรากฏอยู่ในงานนั้น เรื่องนี้ก็ไปว่ากันเอง
โดยสิ่งที่ได้จากการสอบถามภายในและภายนอก และแม้แต่ระดับ “รุ่นใหญ่” ที่เกี่ยวข้องในวงการกีฬา และคุ้นเคยกับกองทุนฯ ก็มีการส่งข้อมูลผ่านมาและมาถึง ซึ่ง Station THAI ในฐานะสื่อก็ขอคัดแบบสรุปเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องได้พิจารณา และมองถึงเรื่องพวกนี้ที่เกี่ยวพันกับหลาย ๆ ฝ่าย ว่าเขาคิดอย่างไร
จากกระแสที่มีมานั้น ผู้ที่อ่อนใจและจุกมากที่สุด คือ กกท.ที่ตามอำนาจหรือบทบาทหน้าที่คือผู้ที่ต้องทำเอกสารเบื้องต้นแล้วเดินตามขั้นตอนต่าง ๆไปจนถึงการนำเอกสารกลับมาเบิกเงิน “ที่กองทุนอนุมัติ” ตาม พ.ร.บ.กกท. แล้วก็เอาเช็คจาก กกท.ไปจ่ายผู้ที่ขอมา ที่กว่าจะได้เงินหนุนนั้นมีขั้นตอนที่เรียกว่าโคตรเข้มข้น (ดูตามภาพขั้นตอนการขอรับการสนับสนุนกองทุนจากภาพประกอบ) แต่เท่าที่ทราบนั้นการเดินงานนี้ กกท. “โดนสั่งมาด่วน” หากทำได้ก็เท่านั้น หากทำไม่ได้ก็โดน (เอาภาษาง่ายๆ ก็แล้วกันไม่ต้องอ้อมค้อม)
ซึ่งเรื่องนี้คงตรวจสอบไม่ยาก เพราะต้องดูว่าแท้จริงแล้วเรื่องนี้ เสนอมาตามขั้นตอนไหนในกระบวนการที่มีอยู่ก็จะรู้ จริงไม่จริง
บางท่านระบุว่าการทำงานแบบนี้อาจจะส่งผลเสียหายต่อผู้ที่อยู่ในขั้นตอนต่างๆ และแม้แต่บิ๊กที่เกี่ยวข้อง หากว่าเป็นงานที่เป็นอย่างที่วิพากษ์วิจารณ์กันในหมู่ผู้ที่เกี่ยวข้องบางกลุ่ม
มีเสียงจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งเชื่อถือว่าเป็นกลาง ได้ให้มุมมองว่า การที่กองทุนอนุมัติงานนี้เสี่ยงกับการใช้เงินตามวัตถุประสงค์ของกองทุนและการใช้ดุลยพินิจตามกฎหมาย
และมีข้อความหนึ่งบอกว่า “หากบอกว่าเป็นกรณีเร่งด่วนก็ต้องดูว่ามีกฎหมายให้อำนาจจริงหรือเปล่าและต้องมีการตีความด้วยว่าใช่ไหมด้วย” นี่คือข้อสรุปหนึ่งที่มีการพูดคุยกันและส่งมาถึง คล้ายกับความห่วงใยต่อกรณีนี้
Station THAI ก็ต้องบอกตรง ๆ ว่า ไม่ทราบว่าแต่ละเสียงสะท้อนนี้ในความหมายมันลึก ๆ มีที่มาอย่างไรบ้างในรายละเอียด แต่เราเชื่อมั่นว่าเรื่องนี้มันมีความไม่เข้าใจกันแน่นอนในกลุ่มที่เกี่ยวข้องที่เป็นคนในขบวนการเดียวกัน…ส่วนหลังจากนี้การเดินต่อหรือจะจัดการอย่างไรนั้น ฝ่ายที่เกี่ยวข้องคงต้องไปพิจารณากันเองในฐานะผู้เกี่ยวข้องในขั้นตอนไหนเพราะท่านกำลังใช้ “เงินหลวง” ที่มีวัตถุประสงค์ของการใช้เงินที่ชัดเจน มีกฎหมายรองรับทุกส่วน ทุกขั้นตอน และเชื่อว่ากรณีนี้มีคนจ้องอยู่ไม่น้อยในความรู้สึกที่แตกต่างกันสุดขั้ว
เพียงแต่ความรู้สึกนั้นจะประทุแบบไหน ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ต้องไปว่ากันเอง เพราะ Station THAI เราแค่สื่อ แค่ผู้ถ่ายทอดเสียงสะท้อน และย้ำได้ว่าเราไม่ใช่คู่กรณีฝ่ายใดๆ แต่อยากเห็นอะไรที่มันดี ๆ ทั้งในสิ่งที่ควรให้เกียรติกระบวนการ ไม่ใช้อำนาจเกินเลย ไม่ว่าจะเป็นอำนาจหน้าที่ที่บิดเบี้ยว หรืออำนาจอ้างอิงที่อาจจะก่อปัญหาบนล่างเมื่อเวลาผ่าน และอยากเห็นการให้เกียรติต่อคนในขบวนการที่เกี่ยวข้องทั้งมวลไม่ว่าจะเป็นใครระดับใดขอรับ.
