ซีพี ออลล์ยกทัพพันธมิตรขยายเครือข่าย รร. “ต้นกล้าไร้ถัง” 245 โรงเรียนในภาคอีสาน หนึ่งในโครงการที่ซีพี ออลล์-เซเว่น อีเลฟเว่น ให้การสนับสนุนและร่วมขับเคลื่อนผ่านโครงการสานอนาคตการศึกษา CONNEXT ED และร่วมยกระดับการศึกษาเพื่อชีวิตที่ดีกว่า (Education for better life) มาอย่างต่อเนื่อง
จากความสำเร็จของการบูรณาการหลักสูตรการศึกษาให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมลดปริมาณขยะภายในโรงเรียน ผ่านโครงการ “ต้นกล้าไร้ถัง” ของโรงเรียนอนุบาลทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ หนึ่งในโรงเรียนที่ได้รับการยกให้เป็นโรงเรียนต้นแบบ (School Model) ภายใต้ โครงการสานอนาคตการศึกษา CONNEXT ED โดยการสนับสนุนของ ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ นำทัพพันธมิตรวิทยากรด้านการจัดการขยะ มอบองค์ความรู้สู่การขยายเครือข่ายในพื้นที่ภาคอีสานผ่านการจัดงานสัมมนาแบบคู่ขนาน (Hybrid) “การบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมภายใต้แนวคิดต้นกล้าไร้ถัง ประจำปี 2565” ให้กับ 245 โรงเรียน สังกัด สพป.กาฬสินธุ์ เขต 1 เขต 2 เขต 3 (โรงเรียนระดับประถม/ขยายโอกาส) สังกัด สมพ.กาฬสินธุ์ (โรงเรียนระดับมัธยม) และ สังกัด สพป.ขอนแก่น เขต 4
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว ที่ปรึกษาอาวุโสคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขยะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการดำเนินชีวิตของทุกคน แต่ปัญหาขยะกลับเป็นสิ่งที่ถูกมองข้าม เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักวิธีการจัดการขยะอย่างถูกต้อง ซีพี ออลล์ เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ขยายผลแนวคิด “ต้นกล้าไร้ถัง” ของ โรงเรียนอนุบาลทับสะแก มาเป็นต้นแบบในการบ่มเพาะเยาวชนตามโรงเรียนต่าง ๆ โดยถ่ายทอดแนวคิดให้นักเรียนมองว่า ขยะเป็นวัสดุเหลือใช้ที่ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ ทั้งยังร่วมกับพันธมิตรเครือข่ายภาคเอกชนในการให้ความรู้ด้านการรีไซเคิลวัสดุกับโรงเรียนในภาคีเครือข่าย เพื่อส่งเสริมการลดปริมาณขยะเหลือทิ้งในโรงเรียนและชุมชน
“เราเชื่อว่า การให้เยาวชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการขยะเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะเขาจะได้รู้กระบวนการการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษในประเทศไทย แม้โครงการต้นกล้าไร้ถังอาจจะยังไม่สามารถลดมลพิษได้ทั้งหมด แต่เราเชื่อว่าการทำกิจกรรมร่วมกันผ่านภาคีเครือข่ายต้นกล้าไร้ถัง จะเป็นพลังที่แข็งแกร่ง ที่จะช่วยให้สิ่งแวดล้อมของประเทศดีขึ้นได้” นายสุวิทย์ กล่าว
ภายในงานโรงเรียนสังกัด สพป.กาฬสินธุ์ เขต 1 เขต 2 และเขต 3 (โรงเรียนระดับประถม/ขยายโอกาส) สังกัด สมพ.กาฬสินธุ์ (โรงเรียนระดับมัธยม) และ สังกัด สพป.ขอนแก่น เขต 4 รวมทั้งสิ้น 245 โรงเรียน ได้ร่วมกันลงนาม MOU เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนภาคีเครือข่ายต้นกล้าไร้ถังให้ขยายออกไปในวงกว้าง
ด้าน นายตรีเทพ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป สำนักกิจการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม บมจ.ซีพี ออลล์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงเรียนที่ลงนามเข้าร่วมเครือข่ายต้นกล้าไร้ถัง จะร่วมกันปฏิบัติตามพันธสัญญาภาคี 5 ข้อ ได้แก่ 1. สนับสนุนและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการจัดการและคัดแยกขยะ โดยเริ่มจากภายในโรงเรียน ไปถึงกลุ่มโรงเรียนเครือข่าย เพื่อนำไปพัฒนาให้เกิดแนวคิดและการปฏิบัติที่ดียิ่งขึ้น 2. เผยแพร่และขยายเครือข่าย นำแนวคิดต้นกล้าไร้ถังขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ 3. สร้างองค์ความรู้ พัฒนาหลักสูตรต้นกล้าไร้ถัง ซึ่งเป็นหลักสูตรบูรณาการร่วมกับ 8 กลุ่มสาระให้นักเรียนได้เรียนรู้ โดยใช้หลักการประเมินผลตามเกณฑ์กระทรวงศึกษาธิการ 4. พัฒนาศูนย์การเรียนรู้ การจัดการขยะเพื่อนักเรียน ครู และชุมชน 5. บันทึกรายงานผลข้อมูลการรับฝากและจำหน่ายวัสดุรีไซเคิล ผ่านทางแอปพลิเคชัน “คุ้มค่า” (KoomKah) ซึ่งในบทบาทของ “ธนาคารขยะ” โรงเรียนจะเป็นตัวกลางระหว่าง “ผู้ฝากวัสดุ” จากสมาชิกซึ่งจะมีทั้ง ครู บุคลากร นักเรียน ชาวบ้านในชุมชน ก่อนที่จะนำส่งเพื่อจำหน่าย หรือแลกเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากผู้รับซื้อ ทั้งรถซาเล้ง โรงงานรีไซเคิล และ ซีพี ออลล์ โดยมีบริการจัดส่งพัสดุผ่านทาง Speed-D ภายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นทุกสาขา ในการส่งต่อวัสดุต่าง ๆ ที่คัดแยกไว้แล้ว ไปยังปลายทางโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ทางด้าน นางสาววันเพ็ญ โล่ห์เลิศพิภพ ผู้จัดการฝ่ายความยั่งยืน บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม หนึ่งในพันธมิตรภาคีเครือข่ายต้นกล้าไร้ถัง กล่าวว่า กล่องนม UHT ที่มีการรับประทานในโรงเรียน สามารถนำไปรีไซเคิลได้หลายรูปแบบเพื่อลดปริมาณขยะ เช่น การนำไปประดิษฐ์เป็นโต๊ะ-เก้าอี้นักเรียน แต่บรรจุภัณฑ์ UHT อาจมีวิธีการจัดการที่ยากกว่าวัสดุเหลือใช้ประเภทอื่น เนื่องจากประกอบด้วยกระดาษ พลาสติกโพลิเมอร์ และอะลูมิเนียมฟอยล์ ซึ่งปัจจุบันมีวิธีการรีไซเคิลอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ 1. การใช้กระบวนการอัดแน่นด้วยความร้อนสูง 180 องศาเซลเซียส เพื่อผลิตแผ่นชิพบอร์ดที่มีความแข็งแรงเทียบเท่าแผ่นไม้อัด ซึ่งสามารถนำมาผลิตเป็นชุดโต๊ะและเก้าอี้นักเรียนได้ และ 2. การแยกโพลิเมอร์และอะลูเนียมฟอยล์ด้วยการปั่นวนในน้ำ แล้วนำวัสดุที่ได้ไปผลิตเป็นหลังคาที่มีคุณสมบัติกันน้ำกันไฟ และสะท้อนแสงยูวี เพิ่มความเย็นภายในตัวอาคาร
ขณะที่ นายวัชรพงศ์ อึงศรีสวัสดิ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อค จำกัด หนึ่งในพันธมิตรภาคีเครือข่ายต้นกล้าไร้ถัง กล่าวเพิ่มเติมว่า กล่องบรรจุภัณฑ์ UHT ยังสามารถนำมาผ่านกระบวนการรีไซเคิล ผลิตเป็นอิฐบล็อกช่องลมที่มีลักษณะโปร่ง ช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดี ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทเคยนำอิฐบล็อกช่องลมรีไซเคิลมาก่อสร้างอาคารเพื่อพัฒนาเป็นโรงอาหาร (Eco-Canteen) ให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนมาแล้ว
นอกจากนี้ ดร.วิภา สายรัตน์ รอง ผอ.สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 3 กล่าวเสริมว่า โครงการต้นกล้าไร้ถัง นับเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ทางการศึกษาอย่างยิ่ง เนื่องจากนักเรียนสามารถเรียนรู้และนำมาปฏิบัติเองได้ในชีวิตประจำวัน ทั้งยังปลูกฝังให้เยาวชนรู้จักการลดปริมาณขยะตั้งแต่ต้นทาง ช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนได้ ขอขอบคุณ ซีพี ออลล์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันจัดทำโครงการนี้ และนำแนวปฏิบัติมาถ่ายทอดสู่โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์
ทั้งนี้ ในปัจจุบันการดำเนินโครงการต้นกล้าไร้ถัง สู่โรงเรียนไร้ถัง แนวคิดจาก โรงเรียนต้นแบบอนุบาลทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้นโยบาย 7 GO GREEN ของ ซีพี ออลล์ ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 และมีโรงเรียนเครือข่ายสะสมรวมกว่า 378 โรงเรียน โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับพฤติกรรมจากการ “ทิ้งขยะลงถัง” เป็นการ “คัดแยกวัสดุออกจากขยะ เพื่อส่งไปยังปลายทางที่เหมาะสมก่อนทิ้งลงถัง” พร้อมเผยแพร่องค์ความรู้จากโรงเรียนสู่ชุมชน ทั้งระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด จนส่งผลต่อสังคมโดยรวม อันจะนำไปสู่การแก้ปัญหาการจัดการขยะได้อย่างยั่งยืนต่อไป