ตอนที่ 13 : สังคมศึกษา : หนังสืออุดมการณ์โอลิมปิกของคูเบอร์แต็ง : แปลโดย : ดร.นิพัทธ์ อึ้งปกรณ์แก้ว
สังคมศึกษา พลศึกษา พุทธิศึกษา และจริยศึกษาไม่เพียงพอต่อระบอบประชาธิปไตยซึ่งจะต้องการสังคมศึกษาด้วย ทั้งนี้ ข้าพเจ้าไม่ได้หมายถึงการเรียกร้องให้จัดการสอนสังคมวิทยาในโรงเรียน เฉกเช่นวิชาเศรษฐศาสตร์การเมืองที่มีหลักพื้นฐานบางประการของสังคมวิทยาและข้อมูลบางอย่างที่ช่วยให้พวกเราเข้าใจโลกและมนุษยวิทยา (เช่น อุปนิสัยสำคัญที่แยกคนเลี้ยงแกะออกจากชาวไร่หรือคนล่าสัตว์) แต่แนวคิดเหล่านี้ควรจะอยู่ในการสอนทั่วไป การจัดวิชาเฉพาะของการสอนเช่นนี้จึงไม่มีเหตุผล สังคมวิทยาซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์แขนงใหม่จะเหมาะกับการอุดมศึกษาเมื่อมีความก้าวหน้าที่เพียงพอ นอกจากนี้ วิชานี้ยังปรับเปลี่ยนเสมอซึ่งเป็นธรรมชาติความไม่แน่นอนของวิทยาศาสตร์ที่กำหนดโดยกฎที่ถูกปฏิเสธตลอดเวลาจากข้อยกเว้น กฎที่สถานการณ์ควบคุมไม่ได้เสมอ พวกเราต้องระมัดระวังไม่นำเสนอระเบียบที่ไม่แม่นยำขององค์ความรู้แก่ชั้นมัธยมศึกษา แต่ก็มีสังคมวิทยาแขนงหนึ่งที่วัยรุ่นควรต้องคุ้นเคยเนื่องเพราะอุปนิสัยที่จะได้รับและแนวคิดที่จะปลูกฝังในตัวพวกเขานั้นจะเกิดคุณมหาศาลแก่กลุ่มที่เขาเข้าร่วม ในขณะเดียวกัน อุปนิสัยและแนวคิดนี้จะพัฒนาและเอื้อแก่ชีวิตตนด้วย พื้นฐานสองประการของสาขาวิชาใหม่ของประชาธิปไตยศึกษาคือสุขอนามัยและความร่วมมือ ความสำคัญของสุขอนามัยที่ดีเป็นที่ยอมรับของทุกคนแต่เฉพาะในหลักทฤษฎีเท่านั้น พวกเราทำให้สุขอนามัยเป็นลักษณะหนึ่งของพระเจ้าที่ไกลโพ้นซึ่งปฏิบัติโดยนักบวชที่มีพันธกิจต่อการบังคับนับถือศาสนานี้โดยนักบวชเหล่านี้ไม่เคยและจะไม่ประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน เพื่อให้โลกสุขอนามัยเป็นจริง ทุกคนต้องเป็นนักสุขอนามัยด้วยตนเอง สุขอนามัยไม่ใช่อุดมคติ ในยุคสมัยของกูเต็นเบิร์ก หากมีคนทำนายว่า จะมีวันหนึ่งที่คนยากจนสุดจะเรียนรู้การอ่านหนังสือเล่ม พวกเขาคงจะหัวเราะใส่หน้าคนใดก็ตามที่บ้าพอต่อการแสดงความเห็นนั้น แต่หากตรึกตรองแล้วจะพบว่า คงเป็นไปได้ที่จะเป็นจริงในวันหนึ่งซึ่งทุกคนจะทราบถึงการดูแลความสะอาดร่างกายหรือบ้านตนเองและการรักษาระยะห่างจากสภาพไม่ปลอดภัยแก่สุขภาพและโรคภัยไข้เจ็บ หากมีการเกิดขึ้นของโรคระบาดหรือสถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องบังคับใช้มาตรการพิเศษ พวกเขาจะแสวงหาข้อมูลข่าวสารและความต้องการเร่งด่วนที่จำเป็นโดยไม่ต่อต้านอย่างดื้อรั้นที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ผลลัพธ์ที่น่าปรารถนานี้จะเกิดขึ้นก็ด้วยการสอนอย่างเป็นระบบเท่านั้น แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่า การสอนนั้นต้องมาจากส่วนบน ไม่ใช่ด้านล่าง โดยตราบที่ไม่จัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังในชั้นอุดมศึกษา คงจะไม่มีประเด็นที่จะนำไปปฏิบัติในชั้นมัธยมศึกษา คุณจะทำอย่างไรให้ลูกคนยากจนหรือคนใช้แรงงานยอมรับการปฏิบัติในสิ่งที่ลูกชาวสวนมั่งมีหรือหัวหน้างานปฏิเสธ? ไม่เพียงแต่ชนชั้นกลางและสูงที่ไม่ใสใจเพียงพอต่อสุขภาวะของที่พักอาศัยและแสดงให้เห็นถึงการละเลยที่แย่มากต่อกฎสุขอนามัยที่ดี แม้กระทั่งความสะอาดร่างกายซึ่งเป็นเรื่องง่ายสุดและสำคัญสุดในการปฏิบัติตามกฎเหล่านี้ ก็ยังค่อยๆคืบคลานไปหาพวกเขา ยกเว้นชาวแองโกล-แซกซันและสแกนดิเนเวียแล้ว คงไม่มีใครที่จะกล่าวว่า การอาบน้ำประจำวันกลายเป็นนิสัยของผู้คน ในบรรดาชาวสแกนดิเนเวียและแองโกล-แซกซันหรือแม้กระทั่งชนชั้นสูงของยุโรปเอง ก็ยังคงมีคนจำนวนมากที่ต่อต้านคุณประโยชน์ของวารีบำบัด การสอนสุขอนามัยเท่านั้นที่จะเอาชนะความไม่ใส่ใจและความเมินเฉยต่อเรื่องนี้ได้ …