จากฐานอำนาจเดิม ที่สร้างความว้าวุ่นในวงการกีฬา มีฟ้องร้อง ร้องเรียน แบ่งฝักฝ่ายมานาน วันนี้ควรถึงเวลา “สร้างความสามัคคีใหม่” ด้วยการทิ้งบัตรสนเท่ห์ ทิ้งอดีตขัดแย้ง แล้วเริ่มต้นด้วยความรักกัน…ซะที
หลังเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 “หางโจวเกมส์” หนนี้ วงการกีฬาของไทย ภายใต้การนำของฝ่ายบริหารชุดใหม่ คงจะเดินเครื่องเต็มพิกัดในทุก ๆ ด้าน เรื่องที่น่ามองและน่าเขียนถึงเพื่อนำเสนอแนะจากการประมวลความคิดเห็นของ “คนในวงการกีฬา” ที่หลากหลายซึ่งจ้องมองวงการกีฬามายาวนาน อะไรคือสิ่งที่ต้อง “เป็นบทเรียน” ในระดับฝ่ายบริหารที่กำลังเปลี่ยนผ่านมาใหม่ และเริ่มต้น การวิเคราะห์เริ่มต้นจาก “ฝ่ายบริหาร” ของรัฐบาล ในงานกีฬา ช่วงหลังจากการรัฐประหาร จนกระทั่งมีการเลือกตั้งในรัฐบาลชุดเก่า ที่คนกล่าวถึงมากที่สุดคือการใช้อำนาจในการครองวงการกีฬาอย่างเบ็ดเสร็จ เรื่องเงินทั้งจากงบประมาณที่เช้าสู่หน่วยงานกีฬา และงบที่มาจากกองทุนพัฒนาการกีฬา มีการใช้ในมุมหนึ่งที่ต้องบอกว่า “ไร้ทิศทาง” “ใช้ด้วยเหตุผลที่ไม่เหมาะสม” นี่คือสิ่งที่สรุปกันแบบเบา ๆ แต่คงรู้เรื่องกันว่ายังไง “ผู้มีอำนาจก็สั่งได้สั่งเอา มือใครยาวสาวได้สาวเอา” นี่คือสิ่งที่พูดถึงกันต่อมา จะหันไปพึ่งพา “ฝ่ายนิติบัญญัติ” ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบ การทำงานของฝ่ายบริหาร ในนามของคณะกรรมาธิการการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ที่เราเรียกว่า ส.ส.กีฬา ซึ่งที่ผ่านมาก็ต้องบอกว่าไร้ผลในการพึ่งพาสาเหตุง่าย ๆ ก็คือ “เป็นพรรคเดียวกันและพวกเดียวกันจะตรวจสอบกันอย่างไร” ซึ่งโดยการทำงานที่ควรจะเป็น …