ชื่อเรื่องนี้เป็นการได้ยินกับหู จากผู้ที่เคยมีส่วนร่วมในการผลักดัน “กีฬามวยไทย” จากจุดเริ่มต้นที่จะก้าวสู่กีฬาเพื่อความเป็นเลิศ จนได้เข้าสู่ซีเกมส์ ได้เข้าสู่เกมการแข่งขันระดับต่าง ๆ ที่น่าชื่นใจ แต่แนวทางสำหรับการขึ้นไปสู่การเป็น 1 ในชนิดกีฬาที่จะมีการจัดชิงเหรียญทองใน โอลิมปิกเกมส์ ในอนาคตนั้น “พอมองเห็นปลายทาง” แต่ก็ไม่รู้เมื่อไหร่
เพราะไม่มีใครรู้ว่ากีฬามวยไทยจะได้เข้าโอลิมปิกเกมส์เมื่อไหร่
ผม (ผู้เขียน) ติดตามเรื่องนี้มานานพร้อมทั้งพยายามศึกษา จึงขออธิบายง่าย ๆ คือ กีฬาที่ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) มี 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ได้รับการยอมรับ ที่จะเรียกว่า กลุ่ม 1 และ กลุ่มที่ได้รับการรับรองใหม่ๆ ขอเรียกว่า กลุ่ม 2 / ง่าย ๆ ต่ออีกก็คือ กลุ่ม 1 ถ้าเห็นควรโดย IOC และเจ้าภาพ ก็จัดได้เลย ขณะที่ กลุ่ม 2 นั้นหากมีการเลือกหยิบขึ้นมา จะต้องมีเงื่อนไขให้กีฬานั้นเสนอข้อมูลหรือมีเครื่องการันตีด้านต่างๆเพิ่มเติม จึงอาจจะถูกเลือกจัด หากว่า IOC และเจ้าภาพพอใจและมีเหตุและผลทำตามเงื่อนไขได้ และการจัดกีฬาโอลิมปิกเกมส์แต่ละครั้งก็มีปัจจัยต่าง ๆ มากมายกว่าที่จะเลือกกีฬาจากทั้ง 2 กลุ่มนี้ที่มีร่วม 100 ชนิดกีฬา ให้เหลือจัดจริง (ประมาณ) ไม่เกิน 30 กีฬา และที่สำคัญคือ หากจะจัดกีฬามากน้อยเท่าไหร่ก็ว่าไป แต่จำนวนนักกีฬาที่เข้าร่วมทุกชนิดกีฬาในงานนั้น ต้องไม่เกิน 10,500 คน นี่คือกรอบที่มีการตีเอาไว้แบบเคร่งครัด
กีฬามวยไทยของเรา ได้รับการรับรองเข้า กลุ่ม 2 เมื่อปี ค.ศ.2020 พร้อมกับกีฬาชนิดอื่น ๆ หลายชนิด รวมทั้งคิกบ๊อกซิ่ง ด้วย
ในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส นั้น “ไม่มีมวยไทยแน่นอน”คงไม่เอ่ยถึง
ขณะที่ครั้งต่อไป ที่ลอสแองเจลิส สหรัฐ ปี 2028 นั้น กีฬาจากกลุ่มแรก 28 ชนิดกีฬาที่จะจัดประกาศออกมาแล้ว พร้อมทั้งกีฬาเก่าที่ต้องเคลียร์ตัวเอง คือมวยสากล ยกน้ำหนัก ปัญจกรีฑาสมัยใหม่ ก็ถือว่ายังมีโอกาส ขณะที่กีฬากลุ่มที่สอง 9 ชนิดกีฬาก็ประกาศออกมาแล้วว่ามีกีฬาที่เข้ารอบสุดท้าย 9 ชนิดคือ คริกเก็ต เบรกเกอร์ เบสบอลและซอฟท์บอล แฟล็กฟุตบอล ลาครอส คาราเต้ คิกบ็อกซิ่ง สควอช และมอเตอร์สปอร์ต
ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่า แม้จะเข้ารอบ แต่ 9 ชนิดกีฬานี้ ก็ยังต้องลุ้นต่อไปว่า กีฬาชนิดใด จากทั้งหมดนี้ จะได้เข้าสู่การแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2028 ได้อย่างแน่นอน หรือ จำนวนชนิดกีฬาที่จะได้เข้าคือเท่าไหร่ ทุกอย่างจะอยู่ที่คณะทำงาน ที่ IOC และ ชาติเจ้าภาพซึ่งจะเสนอกีฬาเข้าจะต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด
เพราะการเลือกจำนวนกีฬาจากกลุ่ม 9 ชนิดกีฬานี้ จะต้องรอดูว่ากลุ่มแรกที่มี 28 ชนิดกีฬาแล้วต้องรอดูว่า 3 กีฬาจากกลุ่มแรกที่ IOC ให้เคลียร์ตัวเองจะถูกเลือกเข้าทั้งหมดหรือเข้าบางชนิดกีฬา และจากนั้นก็ต้องมาดูว่า จะเลือกกีฬาใดบ้างจาก 9 ชนิดกีฬาในกลุ่มที่สอง เพื่อให้ได้ตามกติกาที่เคร่งครัดท้ายที่สุดคือ จะจัดกีฬาเท่าไหร่ก็ว่าไป แต่คนแข่งต้องไม่เกิน 10,500 คน
ผม (ผู้เขียน) ไม่ได้พูดถึง “มวยไทย” เพราะตามหลักการที่ IOC กำหนดเรื่องของการพิจารณาเลือกชนิดกีฬาที่เจ้าภาพจะจัดแข่งขันนั้น เรื่องของมวยไทย ไม่มีในกระบวนการที่มาถึงขั้นตอนเกือบสุดท้ายนี้แล้ว ในเรื่องของการเลือกชนิดกีฬา ไม่ว่าจะเป็น โอลิมปิกเกมส์ 2028 ที่ยังเหลือเวลาอีก 5 ปีก่อนจะจัดก็ตาม
เป้าหมายหน้าของ “มวยไทย” จึงอยู่ที่การแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2032 ที่บริสเบน ออสเตรเลีย ในอีก 9 ปีข้างหน้า เป็นลำดับต่อไป ซึ่งหากว่า “มวยไทย” จะเข้าไปถึงการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ได้ จะต้องพิสูจน์อะไรมากมายให้ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล และเจ้าภาพจัดการแข่งขันอย่างออสเตรเลีย เขาได้เห็น ว่า “มวยไทย” ดีกว่ากีฬาประเภทต่อสู้ ที่มีอยู่มากมายในด้านต่าง ๆ ที่เขากำหนดไว้ได้อย่างไร เพราะทุกกีฬา ในกลุ่มที่สอง ก็พยายามเร่งตัวเองให้เข้าสู่สายตา ความเชื่อถือ และเชื่อมั่นในด้านต่าง ๆ เช่นกัน นี่คือการแย่งชิงกันระหว่างกลุ่มกีฬาประเภทที่เป็นการต่อสู้หรือศิลปะป้องกันตัวที่มีอยู่ดาษดื่น
ขณะเดียวกัน เมื่อถึงเวลาเลือก ในเมื่อกรอบจำนวนนักกีฬาถูกกำหนดล็อคไว้ ไม่เกิน 10,500 คน การเลือกเอาชนิดกีฬาใดเข้า ก็จะต้องดูว่าจะต้องเอาชนิดกีฬาใดออกเสมอ นั่นคือมวยไทยจะต้องดีกว่ากีฬาในกลุ่มอื่น ๆ ในการที่จะถูกพิจารณาเลือกด้วย
และประเด็นสุดท้าย ง่าย ๆ คือ ส่วนหนึ่งของการเลือกคือ “เจ้าภาพ” ที่ดูจาก โอลิมปิกเกมส์ 2028 ที่ลอสแองเจลีสแล้วนั้น จาก 9 ชนิดกีฬาที่จะถูกเลือกส่วนหนึ่งเข้าไปเพื่อคัดเอาอีกต่อนั้น กว่าครึ่งที่เลือกไว้เป็นกีฬาที่มีฐานอยู่ในชาติสหรัฐที่ดีมาก่อน และ ตามที่นักวิเคราะห์กีฬาคาดกันไว้แบบอ้างอิงบทความจากหลายแหล่งก็คิดคล้ายๆ กันคือ กีฬาที่สหรัฐเกี่ยวข้องนี่เองจะถูกเลือกเข้าสู่การจัด เป็นอันดับต้น ๆ
จากประเด็นนั้น…ในเมื่อมวยไทยเรามองที่บริสเบน 2032 ที่จะลุ้นเข้า เราก็ต้องมองว่า ทำไมเจ้าภาพ “บริสเบน” ถึงจะเลือกมวยไทย ในเมื่อเขาก็มีกีฬาที่เขานิยมและอยากที่จะสร้างชื่อจากกีฬาที่เขาชมชอบ…เขาจะเลือกเราทำไม นี่ก็เป็นประเด็นที่ไม่ต้องคิดมากและเข้าใจได้ เพราะคงจะคล้ายกรณีที่ลอสแองเจลิสตามการวิเคราะห์ ซึ่งเมื่อมองประเด็นนี้ก็ไม่ง่ายสำหรับมวยไทย
และหากบริสเบน 2032 ไม่สมหวัง “มวยไทย” ก็ยังต้องลุ้นครั้งต่อ ๆ ไป…นั่นต้องเป็นความตั้งใจต่อและต่อไป
สุดท้ายย้อนมาถึงคำบอกกล่าวของผู้อาวุโสผู้มีส่วนผลักดันมวยไทยสู่ระดับนานาชาติจากอดีตมาจนวันนี้ที่บอกว่า “อาจจะตายก่อนที่จะได้เห็นมวยไทยเข้าสู่โอลิมปิกเกมส์” จริงไม่จริงก็ไม่รู้ แต่ถ้านับวงจรชีวิตคนไม่เกิน 100 ปีที่จะมีชีวิตอยู่บนโลก...เมื่อดูความยากง่ายดังที่กล่าวมาแล้ว โอกาสเป็นเช่นนั้นก็มี
ที่เขียนมา คือสรุปมาจากอ้างอิงจากบทความต่างประเทศที่ว่ามา แต่ในฐานะคนไทย ก็ขอเป็นกำลังใจให้ผู้อาวุโสทุกท่านที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันลุย เดินหน้าพิสูจน์ต่อให้ว่าถึงมันจะยากแค่ไหนหากทำได้ก็เป็นประวัติศาสตร์...ฉะนั้นอย่าท้อนะขอรับ.