จับตาเพื่อไทยครองเก้าอี้ “หัวโต๊ะกีฬา” ในรัฐบาลใหม่ หลังบิ๊กเพื่อไทยส่งสัญญาณแรก ถึง “ทีมบิ๊กป้อม” ทั้งบอร์ด กกท.และ บอร์ด กองทุน ควรทบทวน การกลับมาคิดจัดเอเชี่ยนอินดอร์ และมาเชียลอาร์ตเกมส์

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

   กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เมื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี เบอร์ 2 ของพรรคเพื่อไทย ออกปากในสื่อส่วนตัวว่า “บอร์ด กกท.และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ หรือรัฐบาลยุคปัจจุบัน” ควรทบทวนให้กลับมติบอร์ดกกท. “ไม่ควรจะยกเลิก” การเป็นเจ้าภาพกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์ และมาเชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพเดือน พ.ย.2566 นี้ เพราะจะกระทบหลายด้าน รวมทั้งจะขาดประโยชน์หลายอย่างของชาติ

   สิ่งที่น่าจับตา ไม่ใช่แค่ประเด็นที่ “บิ๊กเพื่อไทย” ท่านนี้เอ่ยเท่านี้..เพราะมันเป็นแค่สัญญาณแรกเท่านั้น

   แต่มันยังมีหลายมุมต่อจากเหตุนี้ ที่ตรงกับการสนทนาของคนในวงการกีฬากลุ่มหนึ่ง ที่มองไว้ก่อนแล้วว่า พรรคเพื่อไทยสนใจเก้าอี้กีฬา และมีการคิดเตรียมการไว้แล้ว ว่าหากเพื่อไทยได้ร่วมรัฐบาล ในฐานะพรรคเบอร์ 2 นั้น โอกาสที่เพื่อไทยจะได้ครอบครองเก้าอี้หัวโต๊ะกีฬาที่หมายถึง รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกีฬาจากการมอบหมายของนายกรัฐมนตรี….มีโอกาสมากที่สุด

   เพราะพรรคเบอร์ 1 คงมุ่งเน้นทางด้านคุมกำลังด้านกระทรวงเศรษฐกิจและความมั่นคง

   และงานด้านกีฬาน่าจะเป็นทางเลือกแบบ “ไม่ต้องต่อรองแลกเปลี่ยนกระทรวงกับพรรคอื่นมากมายนัก”

   และหากเช็คย้ำถึงการสนทนาระหว่าง “อดีตผู้นำองค์กรกีฬา” กับ บิ๊กเพื่อไทย ระดับหัวขบวนที่จะต้องได้เป็นรัฐมนตรีแน่ๆ หากเพื่อไทยร่วมรัฐบาล ก็ระบุตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งว่า ถ้าเพื่อไทย เข้ามาคราวนี้ “กีฬา” คือส่วนสำคัญที่ต้องเลือก เพราะวันนี้กีฬาไม่ธรรมดา เพราะมีทั้งงานและเงิน (จากกองทุน) ซึ่งสามารถสร้างความสุขเพื่อสังคมได้เต็มที่ นี่คือการอ้างอิงแรก ว่าเพื่อไทยเล็งจะมาคุมกีฬา

   อ้างอิงที่สอง ว่าเพื่อไทยจะมาคุมกีฬา และควรเป็นเช่นนั้น เพราะเนื้องาน กับประสบการณ์ของบุคลากรในพรรคนั้น พร้อมมากกว่าพรรคอื่น ๆ ไล่เรียงจากกำลังหลักที่น่ามองคือ “บิ๊กโต้ง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่เครดิตส่วนตัวสูง จากที่เคยคุมกระทรวงการคลัง พาณิชย์ เคยคุมระดับกองทุนใหญ่ ๆ มาแล้ว และ บิ๊กโต้ง คือ ผู้ริเริ่มก่อร่างสร้าง “กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ” มากับมือ ในยุคที่คุมกระทรวงการคลัง ฉะนั้น “บิ๊กโต้ง” คือคนตรงงานเป็นเบอร์แรกๆ ส่วนอีกท่านคือ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” อดีต รมต.หลายกระทรวง จริง ๆ ท่านนี้ก็คลุกในวงการกีฬามาตลอด สำคัญคือเคยผ่านการเป็น รมต.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามาแล้ว จึงเรียกว่า เป็นคนตรงงานเบอร์ต้น ๆ อีกคน และต้องไม่ลืม คือ “บิ๊กเอ” ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดที่คร่ำหวอดอยู่กับวงการกีฬามายาวนาน และรู้จริงในวงการกีฬามากที่สุด ซึ่งปัจจุบันคือประธานที่ปรึกษานโยบายด้านกีฬา พรรคเพื่อไทย ซึ่งน่าจะเป็นพรรคเดียวที่มีการแถลงนโยบายด้านกีฬาในตอนหาเสียงที่ชัดเจน และ “บิ๊กเอ” นี่แหละที่นำเสนอนโยบายนี้ด้วยตัวเอง

   จาก 2 ข้อของการอ้างอิง ที่มาจากความสนใจตั้งใจ และคนที่เหมาะสมแล้วนั้น จึงสรุปในขั้นต้นได้เลยว่า “เพื่อไทย” โอกาสที่จะครองหัวโต๊ะกีฬามีสูงมาก

   แล้วจะครองโต๊ะใดบ้างนั้น ก็ต้องไปดูตำแหน่งของ “บิ๊กป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ที่ถูกมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีครอบครองอยู่ หลัก ๆ คือ ประธานกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ ประธานกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ประธานกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ

   และก็ไปดูตำแหน่งของท่าน พิพัฒน์ รัชกิจประการ ที่กำลังจะกลายเป็นอดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ครองอยู่ อาทิ การเป็นรองประธานของ “บิ๊กป้อม” ใน 3 ตำแหน่งบนนี้ และ โดยตำแหน่งจะเป็นประธานกรรมการกีฬาอาชีพ ประธานกรรมการกีฬามวยอีก

   นี่คือตำแหน่งที่ตามมาจากวงการกีฬาของ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ที่เพื่อไทยจะเข้ามาดู หากว่าโควตาที่ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรีผู้นั้นได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้กำกับดูแลกีฬา และ อีกคนพรรคเลือกในโควตาให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

   ฉะนั้น จึงสรุปสุดท้ายได้ว่า โอกาส “เพื่อไทย” โคตรสูงกับการครองเก้าอี้กีฬาในฝ่ายบริหารของรัฐบาลงวดหน้า ส่วนจะมีชื่อใครบ้าง ก็น่าจะมองจาก “เศรษฐา-กิตติรัตน์-สมศักดิ์-พิมล” เป็นหลัก แล้วแต่ใครจะถูกพรรคเลือกมอบในบทบาทใด

  นี่คือความน่าจะเป็นจากบทสรุปของ “กลุ่มสนทนา” ซึ่งอีกไม่นานก็จะรู้ว่าจะเป็นจริงแค่ไหน.

RANDOM

OKMD ร่วมกับ ม.ธรรมศาสตร์ จัดโครงการ Learn Lab 2024 : Mega Trend Meta Learning เสริมความรู้ พัฒนาทักษะใหม่ๆ เรียนรู้การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI เตรียมพร้อมด้านธุรกิจให้กับเยาวชน คนรุ่นใหม่ และผู้ประกอบการ สมัครเข้าร่วมกิจกรรมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย รับจำนวนจำกัด

โครงการรักษ์ภาษาไทย สานคุณค่าและความสำคัญของความเป็นไทย จัดการประกวดแต่งบทเพลงและการแสดงพื้นบ้าน “ฉ่อย” ชิงทุนการศึกษามูลค่า 1.2 แสนบาท เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ 29 ก.ค. 66

NEWS

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!