หนึ่งในปัญหาที่คนใช้รถ ใช้ถนน เป็นกังวล หรือเคยประสบพบเจอ นั่นคือ บรรดาสัตว์เลี้ยงที่ถูกปล่อยออกมาเดินเผ่นพ่านนอกบ้าน โดยเฉพาะตามชุมชนที่อยู่ติดถนนด้วยแล้ว มีหลายครั้งที่มักเห็นน้องหมา น้องแมว น้องไก่ หรือน้องเป็ด มาเดินเล่นบนถนน และสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาในช่วงที่คุณขับรถ แม้จะระวังขนาดไหน ก็อาจเกิดอุบัติเหตุขับชนน้องหมา ที่จู่ ๆ พุ่งตัวออกมา เพื่อข้ามถนน เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น การรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่ว่าจะเป็นอย่างไร ใครถูก ใครผิด และใครควรรับผิดชอบ ? เกิดอุบัติเหตุขับรถชนสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของบนถนน ใครรับผิดชอบ ? Station Thai มีคำตอบให้ครับ
กฎหมายจราจรทางบก กำหนดไว้ว่า ห้ามไม่ให้เจ้าของสัตว์ ปล่อยสัตว์ไปบนทางถนน ที่เป็นการกีดขวางจราจร มีค่าปรับไม่เกิน 500 บาท
** หากทำให้ยานพาหนะและผู้อื่นเสียหาย เจ้าของสัตว์ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อีกด้วย
พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 111
“ห้ามมิให้ผู้ใดขี่จูงไล่ต้อน หรือปล่อยสัตว์ไปบนทาง ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร และไม่มีผู้ควบคุมเพียงพอ”
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433
“ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ เจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของ จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหาย เพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแก่สัตว์นั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์ หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่น หรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น”
เมื่อดูตัวบทกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ พบว่า หากผู้เป็นเจ้าของปล่อยปละละเลยสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในการดูแลของตน ออกไปเดินเล่นบนถนน โดยไม่มีการดูแลให้ดี จนเกิดอุบัติเหตุรถชนสัตว์เลี้ยงขึ้น นั่นทำให้ความผิดที่เกิดขึ้นจากการขับรถชนสัตว์เลี้ยงกลายเป็นของเจ้าของสุนัขในทันที โดยเจ้าของรถสามารถเรียกร้องค่าเสียหายกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงได้
** กรณีกลับกัน อุบัติเหตุขับรถชนสัตว์เลี้ยงเกิดขึ้นบนถนนที่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล หรือบนทางเท้า เจ้าของรถยนต์ คือ ฝ่ายผิด โดยคุณจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยง
** แต่หากเจ้าของสัตว์เลี้ยง มีหลักฐานชัดเจนว่า คุณมีเจตนาขับรถชนสัตว์เลี้ยง คุณในฐานะผู้ขับขี่ จะมีความผิดทางกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานกิจการยุติธรรม