“ประวิตร” เห็นชอบแนวทาง และเปิดทางให้ กกท.ไล่เคลียร์เงินค้างท่อ จากสมาคมกีฬา ที่ได้เงินสนับสนุนแล้วไม่เบิกจ่ายให้จบ และ เงินค้างนาน ที่ขอยืมไปแล้วแต่ไม่มีหลักฐานมาหักล้าง “รองชุม” ยันนโยบายผู้ใหญ่ให้ กกท.ใกล้ชิดกับปัญหานี้ เพื่อช่วยเหลือให้เป็นมืออาชีพในอนาคต ส่วน “เงินค้างนาน” ที่ยืมไปแล้วไม่เคลียร์นั้น เป็นเงินหลวงไม่มีหลักฐานหักล้างก็ต้องคืน กกท.เท่านั้น
จากกรณี ที่ “บิ๊กป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (บอร์ด กกท.) ได้แสดงความห่วงใยและมอบหมายให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้เร่งรัด ติดตาม แก้ไขปัญหาเงินค้างจ่าย หรือที่เรียกว่าเงินค้างท่อ เงินลูกหนี้ยืมคงค้างนาน และเงินค้างชำระค่าใช้จ่าย ของสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตามข้อสังเกตของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วนั้น
ซึ่งที่ผ่านมา ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้มอบหมายให้นายประชุม บุญเทียม รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา แก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งผู้ได้รับมอบหมายนั้นได้เชิญสมาคมที่อยู่ในบัญชีที่เกี่ยวข้องทั้งสามกลุ่ม มาหารือหาทางออกและรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นจนส่งผลให้เกิดปัญหาที่ตกค้าง โดยมีการให้ข้อแนะนำและแนวทางเพื่อการจัดการที่ถูกต้อง ซึ่งก็สะสางปัญหาไปได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่สิ้นสุด ซึ่งล่าสุดนั้น ผู้ว่าการ กกท.ได้นำเรียนรายงานความคืบหน้าและแนวทางการจัดการเรื่องดังกล่าวต่อ พลเอกประวิตร แล้ว ซึ่งทาง “บิ๊กป้อม” รับทราบและเห็นชอบในแนวทางที่ กกท.เตรียมดำเนินการ
โดย นายประชุม บุญเทียม ได้เปิดเผยกับ Station THAI ว่าเงินค้างจ่ายหรือที่เรียกว่าเงินค้างท่อนั้นหมายถึงสมาคมกีฬาได้ขออนุมัติกันเงินข้ามปีงบประมาณ ตั้งแต่ปี 2560-2564 แต่สมาคมไม่มีเอกสารส่งมาขอเบิกจ่าย ซึ่งมีจำนวนมาก จากที่ได้หารือร่วมกันนั้น กกท.ก็เข้าไปช่วยแนะนำ เพื่อให้ทางสมาคมทราบว่าจะต้องมีเอกสารอย่างไรบ้างมาประกอบการเบิกจ่าย ซึ่งหากว่าในห้วงเวลาที่กำหนดไม่สามารถส่งเอกสารมาเบิกจ่ายได้ ก็ต้องทำหนังสือมายกเลิกรายการที่ไม่ขอเบิกจ่ายซึ่งมีปัญหานั้นก็จบไป ส่วนเงินรายการค้างชำระ กรณีเข้าพักหอพักนักกีฬาของสมาคมกีฬาต่างๆ ตั้งแต่ปี 2552-2564 เป็นจำนวนเงินพอสมควรนั้น ตอนนี้ก็ได้แจ้งสมาคมที่ค้างชำระไปแล้ว ว่าต้องจ่ายให้กับ กกท.เป็นจำนวนที่ค้างของแต่ละแห่งเท่าไหร่
ส่วนกรณีสมาคมที่เป็นลูกหนี้เงินยืมคงค้างนาน ที่หมายถึงสมาคมขอเบิกเงินจากกกท.ไปแล้วเพื่อจัดกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 2552-2564 แต่ยังไม่สามารถนำเอกสารการใช้จ่ายที่ถูกต้องมาเคลียร์ให้สมบูรณ์ได้ และยังมีสำหรับบางสมาคมที่ไม่มีการติดต่อมาเคลียร์เลยทั้งที่มีการทวงถามจาก กกท.ไปแล้ว ในส่วนนี้ในกรอบระยะเวลาที่เราให้ไว้หากไม่สามารถดำเนินการหักล้างได้อย่างถูกต้องได้ สมาคมกีฬานั้นๆ ต้องคืนเงินให้กับ กกท. เพราะเงินส่วนนี้เป็นเงินหลวง ที่เบิกไปแล้วหากไม่มีเอกสารการเคลียร์จะหายไปเลยไม่ได้
นายประชุมได้ เปิดเผยต่ออีกว่า ที่ผ่านมาสมาคมกีฬาบางแห่งต้องบอกว่าไม่มีความรู้ในเรื่องเอกสารหรือเรื่องของการจัดการการหักล้างการยืมเงิน หรือเบิกจ่ายงบประมาณ ทำให้เกิดปัญหาอย่างนี้ขึ้น ซึ่งในอนาคต ผู้ว่าการ กกท.ได้ย้ำแล้วว่า กกท.จะต้องสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ต่อสมาคมกีฬาที่ยังไม่มีความเป็นมืออาชีพให้มีความเป็นมืออาชีพในงานด้านนี้ให้เร็วที่สุด ด้วยการทำงานอย่างใกล้ชิดกันทุกฝ่ายในกระบวนการที่เกี่ยวข้องทั้งสมาคมกีฬา ฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ สำนักงานคณะกรรมการกีฬาอาชีพ และฝ่ายคลังของกกท. ไม่ใช่เหมือนที่ผ่านมาที่ปล่อยสมาคมทำผิดๆถูก ๆ แล้วโดนตีกลับไป-มาให้แก้ไข จนเวลาล่วงเลยไปเช่นนี้อีก และกกท.จะเข้มงวดไม่ให้เกิดเหตุการณ์การค้างท่อ ค้างนาน และค้างชำระอีกในอนาคต เพราะทุกอย่าง กกท.ต้องส่งต่อให้ สตง.ตรวจสอบอีกที เราเองก็จะละเลยในกติกาที่ต้องชัดเจนนี้ไม่ได้