วันที่ 20 ก.ค. 2565 นี้ จะเป็นวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 ของสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย ซึ่งในการประชุมครั้งนี้จะมีวาระสำคัญ คือการเลือกตั้ง นายกสมาคมคนใหม่แทน “เฮียฮง” นายสุนทร จารุมนต์ ที่หมดวาระไป โดย “เฮียฮง” นายกสมาคมคนเดิมแสดงเจตนาว่าจะลงสมัครต่ออีกวาระ ขณะที่ “เอสวัน” นายไชยพงศ์ กรวสุรมย์ อดีตผู้จัดการทีมชาติกีฬาบิลเลียดของไทย ก็มีความสนใจที่จะลงสมัครแข่งขันเพื่อให้สโมสรสมาชิกได้ออกเสียงเลือกในฐานะนายกสมาคมกีฬาบิลเลียดด้วยนั้น
ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดใจจาก “เอสวัน” นายไชยพงศ์ ว่า ตนมีความตั้งใจอย่างมากที่จะเสนอตัวลงแข่งขันเพื่อให้สโมสรสมาชิกเลือกเป็นนายกสมาคมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ โดยการตัดสินใจของตนเองนั้นได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่ายที่ล้วนเกี่ยวข้องกับวงการสอยคิวประเทศไทยจำนวนหนึ่ง รวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ที่ตนเองเคารพนับถือด้วย ทั้งนี้ตนเองบอกตรง ๆ คืออยากที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น และวงการกีฬานี้จะต้องดีกว่านี้ เพราะที่ผ่านมาเท่าที่ทราบและพบนั้น หลายอย่างของการบริหารงานของคณะกรรมการบริหารชุดนี้ มีจุดบอกพร่องและผิดพลาดมากพอสมควร รวมทั้งในเรื่องของความโปร่งใสที่ควรจะมีด้วย แต่เรื่องนั้นก็ว่ากันทีหลังเพราะตอนนี้เท่าที่ทราบมีการตรวจสอบอยู่แล้ว
“เอสวัน” ย้ำอีกว่า ตนเองจะเสนอตัวเพื่อที่จะให้สโมสรสมาชิกหรือกรรมการที่มีสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้พิจารณาความตั้งใจจริงของตนเองที่ผ่านมา พร้อมทั้งการเปรียบเทียบการดำเนินงานของชุดเก่า ส่วนจะแพ้ชนะไม่เป็นไร แต่หากตนเองถูกเลือกเป็นนายกสมาคมก็จะตั้งใจทำหน้าที่และเคลียร์ทุกอย่างที่เป็นข้อปัญหา และข้อสงสัย ที่เกิดขึ้นในวงการทั้งหมด แล้วก็จะพัฒนาเพื่อนักสอยคิวทั้งหมดรุ่นต่อๆไป ส่วนหากไม่ได้รับเลือก ตนเองก็จะยังทำหน้าที่ส่วนอื่น ๆ ที่จะเป็นการสนับสนุนวงการกีฬาสอยคิวไทยเหมือนเดิม เหมือนที่ได้ทำมาตลอด
“ผมได้หารือกับท่านสินธุ พูนศิริวงศ์ อดีตนายกสมาคมกีฬาบิลเลียดคนเก่าที่เป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือของคนในวงการนี้มาตลอด ท่านก็เป็นกำลังใจให้ผมลงแข่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ และท่านเห็นตรงกับผมทุกอย่าง” ผู้ที่จะเป็นคู่แข่งของ “เฮียฮง” กล่าว
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสัมภาษณ์ “บิ๊กสิน” สินธุ พูนศิริวงศ์ อดีตนายกสมาคมกีฬาแห่งนี้ 16 สมัย ซึ่งเป็นเวลาต่อเนื่องกว่า 30 ปีที่สร้างวงการนี้มา ก่อนที่จะขอยุติบทบาทและสนับสนุน “เฮียฮง” นายสุนทร จารุมนต์ ให้ทำหน้าที่นายกสมาคมต่อจนหมดวาระหนนี้ โดย “บิ๊กสิน” ได้อธิบายความผิดหวังจากสิ่งที่เคยสร้างไว้ให้กับผู้สื่อข่าวฟังอย่างละเอียด (แต่บางสิ่งเขียนนำเสนอไม่ได้ในเนื้อหาที่สัมภาษณ์) พร้อมทั้งระบุว่าเคยได้หารือและบอกกับตัวนายสุนทรเอง เรื่องควรถอยออกจากตำแหน่งนี้ ไปแล้วในฐานะพี่น้องที่ร่วมงานกันมายาวนานก่อนที่จะมอบหน้าที่ให้สานต่อ เพราะเป็นห่วงกระแสจากการทำงานด้านต่าง ๆ และห่วงผลที่จะตามมาจากงานบางสิ่งที่ทำไป
“เป็นข้อเท็จจริงที่ผมบอกเขาอย่างนั้น และอยากสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะเข้ามาพัฒนา ด้วยความจริงใจโปร่งใสเพื่อวงการที่แท้จริง เพราะเท่าที่เห็นนั้นผมห่วงใยมาก ผมคุยกับไชยพงศ์ตลอดและฝากไว้ที่เขา” บิ๊กสินสรุปอย่างชัดเจนกับผู้สื่อข่าว Station-THAI