ตามที่ นายวิษณุ ไล่ชะพิษ และ นายจินดา เดชพิมล 2 รองผู้ว่าการ (นักบริหารระดับ 10) ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้เกษียณอายุราชการ เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2565 ที่ผ่านมา พร้อมกันทั้ง 2 คน
จากนั้นการกีฬาแห่งประเทศไทย โดย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการ กกท. ได้เริ่มกระบวนการสรรหาภายใน กกท.เพื่อหาผู้ที่จะขึ้นมาแทนทั้ง 2 คน และ มีเป็นพนักงานระดับ 9 ของการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมสมัครเข้าสู่การคัดเลือก จำนวน 10 คน
ผู้สื่อข่าว Station-THAI รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ย.2565 ในการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 12/2565 ซึ่งมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานบอร์ด กกท.เป็นประธาน โดยวาระที่ถูกจับตามองมากคือวาระที่ 4.5 คือการขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งรองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย 2 ตำแหน่ง คือ รองผู้ว่าการฝ่ายบริหาร และรองผู้ว่าการฝ่ายยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ได้กำหนดเป็นวาระลับก่อนที่จะมีการประชุม แต่ปรากฏว่าได้มีการถอนวาระดังกล่าวออกจากการประชุมแบบสร้างความงงงวยของผู้ที่ติดตามและวงใน ของคน กกท.อย่างยิ่ง
ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องถึงสาเหตุการถอนวาระนี้ออก ต่างก็ไม่มีใครอธิบายได้ชัดเจนว่าเพราะอะไร ทั้งที่ผ่านมา 2 เดือนแล้วที่ควรจะได้ผู้เข้าสู่ตำแหน่งดังกล่าวแล้ว
อดีตผู้บริหาร กกท.ท่านหนึ่งได้ให้ความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าวนี้ว่าก็น่าคิดว่า กกท.จะเดินหน้าอย่างไรกับเรื่องนี้ที่ กกท.เองไม่สามารถที่จะเลือกคนในของตนเองขึ้นสู่ตำแหน่งภายในองค์กรตนเองได้เพราะอะไร จะมองเพราะปัญหาการวิ่งเต้น หรือมีนักการเมืองหรือผู้มีอำนาจอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องวุ่นวาย จนเดินต่อไม่ได้ เรื่องนี้ตนเองก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาเพราะ แต่ละคนที่สมัครเพื่อเป็นรองผู้ว่าการ กกท.ก็ต้องมีคนชอบและคนเชียร์ คนช่วยจากงานที่ได้ทำงานร่วมกันกับฝ่ายเชียร์ ฝ่ายสนับสนุนที่จะเข้าตาใครบ้างก็ว่ากันไป แต่หลักการต่าง ๆในการเลือกคนที่เหมาะกับงานองค์กร ผู้นำองค์กร คือ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ที่เป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาคัดเลือกก่อนนำเสนอบอร์ดเพื่อเห็นชอบ ต้องชัดเจนเพื่อเคลียร์เรื่องเหล่านี้ให้ได้แม้จะลำบากขนาดไหนก็ตาม เพราะการไม่สามารถเดินหน้าเรื่องโครงสร้างภายในองค์กรได้วิกฤติต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้น เมื่อไม่มีการขยับคนขึ้นได้ ระดับล่างลงไปที่รออยู่ก็ขยับกันไมได้กลายเป็นสิ่งที่อึมครึมต่อไปอีกซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่จะจบลงและจะจบแบบไหน
อดีตผู้บริหาร กกท.ท่านนี้ยังกล่าวต่ออีกว่า จริง ๆ แล้วบอร์ด กกท.ต้องให้เกียรติกับการเลือกของผู้ว่าการ กกท.เพราะเขาต้องเลือกคนมาใช้งานในนโยบายและแนวทางของเขา แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องถือว่า มีปัจจัยแทรกโดยเฉพาะคงเป็นเรื่องการเมืองแทรกแบบหนักมากเข้ามาเกี่ยวข้องหนักแบบแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ตนเองก็ห่วงแต่ขวัญ กำลังใจของทุกคนในองค์กร กกท. ที่การโดนแบบนี้เหมือนถูกกระทำไปด้วยกันทั้งหมด.