ผู้สื่อข่าว Station-THAI รายงานว่า ในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 32 ที่ราชอาณาจักรกัมพูชาครั้งนี้ ในช่วงพิธีปิดการแข่งขันในวันที่ 17 พ.ค.2566 ที่สนามมรดกเตโช นอกเหนือจากจะมีพิธีการอื่น ๆ แล้วนั้น ยังมีพิธีการที่สำคัญของไทยที่เกี่ยวข้องคือ การไปรับธงซีเกมส์ เพื่อนำมาเป็นจัดการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 33 ครั้งต่อไปที่จะจัดในปี พ.ศ.2568 โดยได้มีการพิจารณาคัดเลือกเจ้าภาพร่วม 3 จังหวัดคือ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี และ สงขลา ซึ่งทั้ง 3 จังหวัดนั้น ได้แจ้งเบื้องต้นต่อการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซึ่งเป็นผู้ประสานงานในพิธีการรับธงซีเกมส์ สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปร่วมรับธงเจ้าภาพซีเกมส์ในพิธีปิดคือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และ นายเจษฏา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา
โดยในพิธีรับธงซีเกมส์ เพื่อนำมาเป็นเจ้าภาพจัดครั้งต่อไปนั้น ผู้แทนจากประเทศไทย ที่จะเข้าร่วมนอกเหนือจากผู้แทนจาก 3 จังหวัดแล้วนั้น ก็จะมี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ นายกองเอกชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคไทย พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคไทย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และ นายประชุม บุญเทียม รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย
สำหรับพิธีการนั้น จะเป็นช่วงท้ายในพิธีปิดซีเกมส์ครั้งนี้ เวลา 19.50 น.ประธานในพิธีปิดกล่าวปิดการแข่งขัน 20.03 น.พิธีการเชิญธงซีเกมส์ลงจากยอดเสา ที่หมายถึงการสิ้นสุดการเป็นเจ้าภาพของกัมพูชา จากนั้นก็จะมีพิธีมอบธงซีเกมส์จากตัวแทนกัมพูชา ส่งต่อให้กับผู้แทนจากประเทศไทย และเวลา 20.08 น.ก็จะเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาในฐานะเจ้าภาพครั้งต่อไป จากนั้นเวลา 20.10 น.จะเป็นการแสดงจากประเทศไทย ประกอบวีดิทัศน์ในพิธีรับธงซีเกมส์ โดยการแสดงชุดนี้ใช้ชื่อว่า “สวัสดีซีเกมส์” ที่ทางฝ่ายเตรียมงานเชื่อว่าจะเป็นการแสดงที่ตื่นตากับชาวอาเซียนแน่นอน
ขณะเดียวกันในการประชาสัมพันธ์การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งชันซีเกมส์ครั้งที่ 33 ของไทยนั้น ในวันที่ 16 พ.ค.2566 ทางคณะกรรมการโอลิมปิคไทยนำโดย พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา และ การกีฬาแห่งประเทศไทย นำโดย ดร.ก้องศักด ยอดมณี พร้อมเอกอัคราชทูต ณ กรุงพนมเปญ และ ผู้แทนจาก 3 จังหวัดเจ้าภาพ จะจัดแถลงข่าวครวามพร้อมในการเตรียมเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชาอีกด้วย เพื่อให้สื่อมวลชนชาติอาเซียนได้ทราบถึงความพร้อมในครั้งนี้.