จากที่การเดินทางโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำของนักกีฬาคนพิการของไทย ที่เดินทางไปกัมพูชา เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2566 เพื่อร่วมการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ครั้งที่ 12 ณ กรุงพนมเปญ ซึ่งเจอปัญหาเรื่องไม่สามารถของการขนอุปกรณ์และกระเป๋าส่วนตัวของนักกีฬา ไปพร้อมกับนักกีฬาได้ และต้องขนตามไปส่งให้กับนักกีฬาในเช้าวันต่อมาอย่างครบถ้วน แต่จากกรณีดังกล่าว กลายเป็นเรื่องที่ กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ที่คณะกรรมการบริหารบอร์ด กองทุน ซึ่งมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณเป็นประธาน เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2566 ได้หยิบยกเรื่องที่นักกีฬาประสบปัญหานี้เข้าสู่ที่ประชุม และมีการวิพากษ์วิจารณ์จาก กรรมการบางท่าน จนมีการมอบให้การกีฬาแห่งประเทศไปตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อรายงานต่อบอร์ด กองทุน
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ภายหลังมีข่าวเรื่องดังกล่าว พลตรี โอสถ ภาวิไล เลขาธิการคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย ที่รับผิดชอบในการดำเนินการ อำนวยความสะดวกให้นักกีฬาคนพิการ ได้เปิดเผยว่า การดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้นั้นได้เสร็จสิ้นไปแล้วโดยไม่ได้กระทบหรือเสียหายต่อการเตรียมตัวเข้าร่วมของนักกีฬาแต่อย่างใด และจากที่มีข้อกังขา เรื่องการจัดจ้างนั้น ก็ยืนยันได้ว่า ทุกอย่างก็เป็นไปตามความเหมาะสมและอำนาจหน้าที่ทุกอย่าง เราคัดเลือกเอาผู้เสนอราคา ที่ต่ำกว่างบที่การกีฬาแห่งประเทศไทยให้ไว้
และจากที่มีข่าวเรื่อง บอร์ด กองทุนกีฬา แสดงความห่วงใย และ จะสอบหาข้อเท็จจริง จากการดำเนินการนั้น จากวันที่ทราบข่าวและได้พบกับผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยชี้แจงไปแล้ว และยังมีโอกาสได้ชี้แจงต่อท่านพลเอกประวิตร ซึ่งท่านห่วงใยต่อผลกระทบกับนักกีฬา ตนเองก็อธิบายในการดำเนินการทุกอย่าง และ อุปสรรคที่เจอให้ท่านทราบแล้ว ท่านก็เข้าใจพร้อมทั้งฝากย้ำถึงการดูแลนักกีฬาให้ดีและตนเองก็ได้รับปาก เพราะจริง ๆ ทุกอย่างที่เราทำนั้น เพื่อนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องการที่ กกท.จะสอบข้อเท็จจริง เพื่อไปรายงานบอร์ด กองทุนกีฬา นั้นพลตรีโอสถ กล่าวว่า ก็เป็นการดีที่จะได้อธิบายทุกอย่าง ซึ่งตนเองไม่มีปัญหาแต่อย่างใดในการที่จะชี้แจง เพราะทุกอย่างก็เหมือนแจ้งไว้ตั้งแต่ต้น และเรียนผู้ใหญ่โดยวาจาไปแล้วว่า การดำเนินงานมีความเหมาะสมตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายทุกอย่าง พร้อมเหตุผลประกอบที่ชัดเจนแน่นอน พลตรีโอสถกล่าว.