นายประชุม บุญเทียม รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา เปิดเผยว่า ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 19 เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2566 ที่ผ่านมา ต้องขอแสดงความยินดีกับทีมตะกร้อของไทย ทั้งชายและหญิง ที่สามารถคว้าเหรียญทอง เพิ่มเติมให้ทีมกีฬาไทย จากประเภททีมเดี่ยวชาย-หญิง อีก 2 เหรียญ ซึ่งนับว่าสมาคมกีฬาตะกร้อ ทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ คือส่งชิง 4 ประเภท และได้เหรียญทองทั้ง 4 ประเภท
ส่วนเรื่องเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาตินั้น นายประชุม กล่าวว่า ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 19 นี้ ถือเป็นการได้ใช้การประกาศรางวัลใหม่เมื่อปี 2565 ของคณะกรรมการบริหารกองทุน เป็นครั้งแรก ที่นักกีฬาที่ได้เหรียญทองจะได้คนละ 2 ล้านบาทและส่วนอื่น ๆ ขยับตามด้วยนั้น ซึ่งจาก 4 เหรียญทองในประเภททีมชุด 2 และ ทีมเดี่ยว 2 นักกีฬาทั้งตัวจริงและตัวสำรองที่มีรายชื่อเป็นทางการนั้น ทีมชุดนักกีฬา 12 คน ก็จะได้ ทั้งหมด ซึ่งจะเป็นเงิน 24 ล้านบาท ทั้ง 2 ทีม ก็จะรวมเป็น 48 ล้านบาท ส่วนโค้ชในทีมชุด ซึ่งตามประกาศของกองทุนที่ระบุผู้ฝึกสอนที่มีทีมกีฬาซึ่งได้รับเหรียญตั้งแต่ 7 คนขึ้นไปได้ร้อยละ 10 ของรางวัลที่นักกีฬาได้รับ นั้น ก็จะได้ ในส่วนโค้ชทีมชาย 2.4 ล้านและ โค้ชทีมหญิง 2.4 ล้านบาท ขณะที่นักกีฬาทีมเดี่ยวชายและหญิง ที่มีผู้เล่นรวม 5 คน ก็จะได้ทีมละ 10 ล้านบาท รวมเป็น 20 ล้านบาท และ โค้ชแต่ละทีมของทีมเดี่ยว ซึ่งตามประกาศกองทุนที่ให้ผู้ฝึกสอนทีมกีฬาที่ได้เกิน 6 คน จะได้ร้อยละ20 ของวงเงินที่นักกีฬาได้รับนั้น โค้ชทีมเดี่ยวหญิงก็จะได้ 2 ล้าน และโค้ชทีมเดี่ยวชายได้ 2 ล้านบาท ซึ่งทั้งนักกีฬาและผู้ฝึกสอนจะได้คนละส่วนไม่ได้เกี่ยวข้องกัน
นายประชุมยังกล่าวต่ออีกว่า จากผลงาน 4 เหรียญทองของนักกีฬานี้ สมาคมกีฬาตะกร้อก็จะได้ตามประกาศ ที่ระบุไว้คือสมาคมจะได้ร้อยละ 30 ของวงเงินที่นักกีฬาได้รับทั้งหมด แต่ไม่เกิน 10 ล้านบาท ฉะนั้น สมาคมกีฬาตะกร้อจะได้รับทั้งหมด 10 ล้านบาท ซึ่งรวมแล้วสมาคมตะกร้อจะได้รับเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ในทุก ๆ ส่วนที่กล่าวมา 86.8 ล้านบาท ที่ถือเป็นสมาคมกีฬาที่คว้าเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติซึ่งสูงที่สุดในทุกสมาคมกีฬาที่ส่งและสร้างผลงานจากการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์หนนี้และที่ผ่านมา.