ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาตนเองได้ต้อนรับบุคลากรกีฬาของวงการเจ็ตสกี ที่ประกอบด้วยตัวแทนจากชมรม นักกีฬา ผู้ปกครอง และผู้ฝึกสอน ที่เข้ามาหารือ เพื่อขอทราบรายละเอียดต่าง ๆ ซึ่งการหารือครั้งนี้เป็นที่น่ายินดีที่ทางกองทุนฯ ได้มีโอกาสชี้แจง ทำความเข้าใจ ในประเด็นต่าง ๆ ที่ทุกคนอยากที่จะถาม ทั้งเรื่องการไปแข่งขันรายการระดับโลกที่สหรัฐ มีผลงานกลับมาแล้วไม่เข้าหลักเกณฑ์การจ่ายเงินรางวัล และเรื่องอื่น ๆ ที่ทำให้มีการเข้าใจผิด
ในคำถามว่าทางกองทุนตัดงบการสนับสนุนการไปแข่งขันที่สหรัฐ เราก็เปิดให้ดูตารางการสนับสนุนที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้รวบรวมไว้ พบว่าเจ็ตสกีได้รับงบสนับสนุนไปแข่งรายการระดับทวีปที่ประเทศจีน แต่จีนไม่จัดแข่ง และทางสมาคมเจ็ตสกีก็ไม่ได้ทำเรื่องขอปรับแผนการใช้เงิน รายการที่ไม่ได้ไปแข่งมาให้ทาง กกท. เมื่อเป็นเช่นนี้งบตัวนี้ก็ตกไป ทางกองทุนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตัด มันเป็นกติกาที่งบที่ไม่ได้ใช้ กกท.ก็จะปรับไปใช้อย่างอื่นเท่านั้นเอง และจากการคุยกันก็แจ้งงว่าการแข่งขันที่สหรัฐของเจ็ตสกีไม่ได้อยู่ในเกณฑ์การสนับสนุนของฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ กกท. ด้วยเหตุผลอะไรนั้นก็ได้อธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจกันชัดเจนและทุกคนยอมรับว่าไม่เคยรับทราบข้อมูลนี้เลย
จากนั้นก็ได้หารือกัน พร้อมทั้งเปิดงบประมาณที่กองทุนฯ ได้สนับสนุนกีฬาเจ็ตสกี ทั้งในส่วนที่ผ่านการดำเนินการของฝ่ายกีฬาเป็นเลิศ และ กีฬาอาชีพ ช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้น รวมมูลค่ามากเกิน 200 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็น กกท.หรือกองทุน แม้แต่ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในการหนุนมาตลอด ซึ่งเมื่อดูเอกสารรายละเอียดแล้วผู้ที่เข้ามาคุยก็อึ้งและเข้าใจ
ดร.สุปราณีกล่าวต่อไปอีกว่า เรานั่งคุยกันนาน เพื่อที่จะหาทางออกและการช่วยเหลือ เพราะในมุมหนึ่งนั้น เจ็ตสกีก็ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย เราก็มาดูสิ่งที่ควรช่วยเหลือได้บ้างทั้งการสนับสนุนการส่งแข่งขันที่ผ่านมา และการให้เงินรางวัล จากหลักเกณฑ์ที่เข้าใจกันแล้วนั้น เราดูช่องทางว่า พอมีทางไหนที่จะหาทางช่วยได้บ้าง ซึ่งก็มีทางออกบ้างในการหารือ แต่ทุกอย่างจะต้องผ่านการเสนอที่อนุกรรมการกลั่นกรองของคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ก่อน และเมื่ออนุ พิจารณาเสร็จหากเห็นด้วยก็นำเสนอคณะกรรมการบริหารฯพิจารณาการช่วยเหลือ ที่ผ่าน ๆ มานี้ต่อไป นี่คือแนวทางช่วยเหลือในส่วนที่ผ่านมา แต่ในอนาคตข้างหน้าทุกอย่างต้องชัดเจนตามหลักเกณฑ์ที่มีอยู่หรือมีการปรับใหม่เท่านั้น คงจะมาอ้างว่าไม่ทราบไม่ได้ เพราะจริง ๆ แล้ว ทุกสมาคมกีฬานั้นจะได้รับข้อมูลเรื่องเกี่ยวข้องนี้ทั้งเป็นเอกสารและจัดอบรม ซักซ้อมความเข้าใจกันมาโดยตลอด
ผู้จัดการกองทุนกล่าวในตอนท้ายว่า กกท.ดูแลเจ็ตสกีเหมือนกันกับกีฬาชนิดอื่น ๆ เช่นงบที่มีการหนุนมาก่อน และปีหน้า ฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศก็เตรียมงบหนุนไว้ให้ เมื่อกลุ่มพี่น้องเจ็ตสกีที่มานี้เข้าใจ เพราะไม่เคยรู้เรื่องใด ๆ อย่างนี้ทั้งที่เขาอยู่ในกิจกรรมเจ็ตสกีตลอดทุกระดับ รวมทั้งนักกีฬาก็ไม่ทราบว่าต้องมาขึ้นทะเบียนเป็นนักกีฬาอาชีพจึงจะได้สิทธิสนับสนุน จึงอยากฝากถึงทุกสมาคมที่เกี่ยวข้องกับกีฬาอาชีพ ต้องให้ข้อมูล ตามที่เราและกกท.อบรม หรือชี้แจงให้ทราบ แล้วส่งไปให้ถึงผู้เกี่ยวข้องเข้าใจ และฝากนักกีฬาและบุคลากรกีฬาอาชีพต้องมาจดแจ้งขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรกีฬาอาชีพ ที่ สำนักงานกีฬาอาชีพ กกท.เพื่อที่จะได้รักษาสิทธิ และได้ดำเนินการตามหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง.