เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2567 ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 4 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ กกท. นายประชุม บุญเทียม รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นประธานการประชุมพร้อมด้วย นายปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย นางสาวสุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และผู้แทนจากฝ่ายและสำนักของ กกท. เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อปรับกรอบงบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มาเป็นค่าใช้จ่ายในการเตรียมนักกีฬาทีมชาติไทยให้มีความพร้อมมากที่สุดในการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์ และมาเชียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2564 (ค.ศ.2021) ซึ่งไทยจะจัด 21-30 พ.ย.2567
นายประชุมเปิดเผยว่า การแข่งขันจะจัดในปลายปีนี้ ที่ไทยเราจะเป็นเจ้าภาพ ในเรื่องของการเตรียมการที่จะให้นักกีฬาของไทยของสมาคมที่จะมีจัดในการแข่งขันในเอเชี่ยนอินดอร์ฯ มีความพร้อมมากที่สุด เป็นส่วนสำคัญ และเรื่องงบประมาณต้องมีความพร้อม วันนี้จึงได้ร่วมกันปรับงบ ที่ทางผู้ว่าการ กกท.ได้มอบหมายให้ดูตามงบที่ กกท.ได้รับมาจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ มาดูกันว่ามีโครงการใดที่ไม่ได้ทำ ไม่ได้ดำเนินการ ก็ดึงงบตัวนั้นมารวมกัน เพื่อมาใช้เป็น ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก ค่าอาหารของนักกีฬาในการเก็บตัวเตรียมทีม ที่จะใช้จำนวนงบประมาณ 247,077,099 บาท ซึ่งทุกอย่างไม่มีปัญหาใด ๆ โดยได้รับความร่วมมือที่ดีของทุกฝ่าย ทั้งผู้จัดการกองทุนฯ และส่วนงานของ กกท.เอง ซึ่งมาช่วยกันดูก็ได้มาครบตามที่ต้องการ และตอนนี้ก็ได้วางงานแบ่งการจ่ายตามการเก็บตัว เป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 งบประมาณปี พ.ศ. 2667 เริ่มเก็บตัวตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. -30 ก.ย.2567 และช่วงที่ 2 งบประมาณปี พ.ศ. 2568 ตั้งแต่ วันที่ 1 ต.ค. ถึง ก่อนการแข่งขัน 2 วัน
“รองชุม” ย้ำว่า ขอให้สมาคมกีฬาต่าง ๆ ที่มีแผนการเตรียมนักกีฬาได้เดินหน้าเก็บตัวอย่างเต็มที่เพื่อความพร้อมและความสมบูรณ์ที่สุด โดย กกท.เราก็จะมีการติดตามประเมินผลศักยภาพของนักกีฬาเป็นระยะตามแผน ประกอบด้วย การทดสอบสมรรถภาพ การดูอันดับคะแนน (Ranking) และการดูสถิติ ที่ต้องดีต้องดีขึ้นตามช่วงที่กำหนด เพื่อเป้าหมายเหรียญทองในงานนี้.