จริงๆ เรื่องพวกนี้นึกว่าเป็นอดีตมานาน ที่พอจะเข้าใจว่ายามลำบากขัดสน คนทำกีฬานั้นล้วนแล้วต้องดิ้นรนเพื่อหาทางอยู่รอด
การเบียดบังเบี้ยเลี้ยงของนักกีฬา และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่สมาคมต้องดูแล และเป็นผู้นำไปเบิกจ่ายบางครั้งก็เข้าใจได้ว่าต้องนำไปแบ่งปันส่วนอื่น ๆ ที่มาช่วยงานแต่ไม่มีเบี้ยเลี้ยง เนื่องจากสมาคมต้องรับผิดชอบมากมาย จนเกิดเป็นข้อตกลงย่อยในกลุ่มนั้นๆ ว่าต้องแบ่งปันกัน ซึ่งในอดีตพอที่จะมองผ่านได้บ้าง และบางทีสมาคมเล็ก ๆ ก็ต้องทำอย่างนั้นก็เข้าใจ-เห็นใจ แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยก็ตาม
จากที่กว่า 5-6 ปีที่ผ่านนั้น เรื่องราวเหล่านี้เงียบหายไปมากแล้วเพราะ “การเงิน” วงการกีฬาสะพัดยิ่งกว่าเดิม การเจตนาเบียดบังโดยเจตนา เพื่อแบ่งปันเริ่มหาย
แต่ก็ได้ยินอีกจนได้เมื่อถึงวันนี้ พรรคพวกที่รักความถูกต้องของสมาคมกีฬา 3 แห่ง เล่าเรื่องราวให้ฟังว่า ปัจจุบันเรื่องของการเบียดบังงบเบี้ยเลี้ยงที่หลวงจ่ายผ่านทางสมาคมกีฬา ไม่ว่าจะเป็นของนักกีฬา เจ้าหน้าที่ ผู้ตัดสิน ในการทำหน้าที่งานต่าง ๆ ยังมีอยู่มากพอควร
เรื่องใส่รายชื่อผี ลายเซ็นผี เป็นนักกีฬา-เจ้าหน้าที่ หรือปลอมลายเซ็นแทน ก็ยังมีให้เห็น
เรื่องการเซ็นเบิก-รับเบี้ยเลี้ยง ประเภทได้ไม่ครบวันทำหน้าที่ ก็ยังมีปรากฏ
เรื่องการเซ็นรับเงิน โดยไม่มีการระบุตัวเงินที่ได้รับ ก็มีไม่น้อย
สุดท้ายของเส้นทางการเบิกเงินนั้น...ผู้แทนสมาคมก็จะเก็บเอกสารทั้งหมดไปตั้งเรื่องเบิกกับผู้เกี่ยวข้องและผู้จ่ายเงิน ถ้าเป็นสมาคมกีฬานั้น คนทำงานเรื่องนี้ก็จะเอาเอกสารไปเบิกสมาคม และสมาคมก็จะนำเอกสารทั้งหมดนี้ไปตั้งเรื่องเบิก หรือ เคลียร์กับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ต่อไป
ทุกเรื่องที่ร้องเรียน StationTHAI เข้ามาให้ช่วยแจ้งผู้เกี่ยวข้องช่วยดูว่ามันเหมาะสมหรือเปล่าในปัจจุบันนี้ เราก็ช่วยมองอย่างผู้ที่คลุกคลีคุ้นเคยกับเรื่องราวพวกนี้มายาวนาน ก็สรุปได้ว่าหากเป็นข้อตกลงที่คุยกันภายในก่อนคงไม่มีเสียงร้องออกมา หรือหากมีความชัดเจนที่มาที่ไปก็คงเข้าใจกันได้และคงไม่มีเสียงร้องเรียกหา “ความยุติธรรม” ผ่านเรา
2 สมาคมกีฬาที่ร้องมานั้น เรายังมองว่าอาจจะนิดหน่อย แต่ก็ผิดที่มีการเบียดบังแม้ว่ามากน้อยก็ตาม..เดี๋ยวว่ากันต่อ
แต่เรื่องราวจากคนของสมาคมกีฬามวยสากล…นี่ชัดเจน และเชื่อว่าหากบันทึกของ StationTHAI นี้ยังอยู่และจำได้เมื่อมีการ “ส่งเงินเคลียร์” ถึงผู้เกี่ยวข้องลองตรวจสอบว่าจริงหรือไม่
แต่เอาตรงนี้ก่อนว่าผิดหรือไม่ เจตนาเกิดขึ้นแล้วหรือไม่ เมื่อเหตุการณ์มันเกิดขึ้นอย่างนี้
ในรายการมวยสากลระดับนานาชาติ ที่ภูเก็ต รายการเดียวกับที่มีผู้ตัดสินไทยปลอมตัวใส่เสื้อผู้ตัดสินของไอบ้าระดับ 1 ดาวทำหน้าที่ และเป็นรายการเดียวที่วงการผู้ตัดสินต่างชาติได้แชร์ภาพการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินไทย ที่เขาเลิกใช้ท่าทางนั้นมานานแล้วในปัจจุบัน จนเป็นที่เขินอายกันไป
ผู้ตัดสินตัวจริงระดับมีดาวไอบ้าของไทย ท่านหนึ่งเล่ากับหูว่า ในงานนี้ พวกเราผู้ตัดสินที่ไปทำหน้าที่ต่างๆ ไม่ว่าจะมีระดับดาวของไอบ้าหรือไม่มีระดับที่ไปทำหน้าที่ ได้เซ็นรับเงินในช่องต่าง ๆ ในใบรับเงินที่ให้มาเป็นจำนวน 10 วัน แต่ได้รับเบี้ยเลี้ยงจริง 7 วัน วันละ 600 บาท พร้อมค่าเดินทางคนละ 1,000 บาท และที่สำคัญจำนวนเงินในใบที่เซ็นนั้นไม่ได้ระบุลงไปด้วยว่าเป็นจำนวนเงินที่รับเท่าไหร่ ทุกคนงง แต่ก็ยอมเพราะทำอะไรไม่ได้
เขาทำอย่างนี้ทำไม มีเจตนาอะไรลองคิดดู…ผู้ตัดสินท่านนั้นบอกกล่าว
StationTHAI หรือผู้รู้เรื่องนี้คงตอบได้ว่า อย่างนี้มีเจตนาไม่สวยล้านเปอร์เซ็นต์ครับ เพราะไม่ตรงไปตรงมา
อันดับแรกคือท่านเซ็น 10 วันเขาก็คงจะไปเบิก 10 วัน
อันดับที่สอง การเซ็นโดยในใบให้เซ็นนั้นไม่กรอกจำนวนเงิน เขาก็ไปใส่ทีหลังแล้วเบิก
ก็ฝากถึงฝ่ายตรวจสอบหรือรับเคลียร์เงิน ในสมาคมมวยสากล (หากไม่เกี่ยวข้อง) หรือ กกท. ลองเก็บเรื่องนี้ไว้และโปรดเช็คกับหลักฐานการเบิก-เคลียร์ ของสมาคมกีฬามวย ในกรณีนี้ด้วย ว่าเป็นจริงอย่างที่ทุกคนคาดหรือไม่ ในศึกมวยสากลใหญ่ครั้งนี้ที่มีมูลค่าการจัดสิบกว่าล้านบาท
หรือหากสมาคมกีฬามวยสากลจะสนใจตรวจสอบเองก็คงไม่ยากอะไร เพราะพยานหลักฐานคือคนกลุ่มที่เอ่ยมา
ส่วนเจตนาแย่ๆ นี้ใครจะเกี่ยวข้องบ้าง ระดับไหนบ้าง ผู้ใหญ่ๆโตๆ เกี่ยวข้องไหม ก็ไปว่ากันเองครับ
นี่เป็นอีกกรณีกับที่เราเคยเขียนถึงเรื่องของมวยสากลไทยที่มวกเหล็กว่าผู้ใหญ่หักหัวคิวค่าอาหารนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ ชุดเตรียมซีเกมส์ ซึ่งป่านนี้ไม่รู้ไปถึงไหน จะทำกันต่อเราก็ไม่เดือดร้อน
ก็สุดแล้วแต่จะพิจารณา “วงการกีฬาไม่ใช่ของเราคนเดียว”
ปล.เรื่องเงินๆทองๆ ของสมาคมกีฬามวยสากล นอกเหนือจากข้อร้องเรียนที่กล่าวมาแล้ว จากการตรวจสอบเองของ StationTHAI ก็พบสิ่งที่น่าสังเกตว่า สมาคมแห่งนี้ยังค้างเงินที่ยืมจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ที่นำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดมวยที่ผ่านมา 3 รายการ คือมวยสากลภายในเมื่อปี 2560 จำนวน 4.3 ล้านบาท มวยสากลรายการนานาชาติปี 2561 จำนวน 6.7 ล้านบาท และ มวยสากลนานาชาติระดับเอเชีย ปี 2562 จำนวน 10.4 ล้านบาท ถือเป็นสมาคมกีฬาที่ ค้างเงินยืม และถูก กกท.ทวงเงินที่ติดค้างมากรายการที่สุดในปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค.65)