“สุภัทร จำปาทอง” ปลัด ศธ. ย้ำ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) อนุญาตนักเรียนไว้ผมยาวได้ ยึดหลักบุคลิกภาพที่ดี การมีส่วนร่วมของนักเรียน สถานศึกษา ผู้ปกครอง และชุมชน โรงเรียนต้องปฏิบัติตามระเบียบกระทรวง
นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผย กรณีกลุ่มปฏิวัติการศึกษาไทย จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เผาระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการไว้ทรงผม และร่าง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ เพื่อย้ำปัญหาด้านการศึกษา โดยเห็นว่าระเบียบนี้เป็นปัญหาลิดรอนสิทธิเสรีภาพของนักเรียน ขัดแย้งกับกฎกระทรวงว่าด้วยทรงผมนักเรียน ประกาศเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 เนื่องจากบางโรงเรียนยึดกฎกระทรวงเดิม และมีการตัดผมนักเรียนที่ครูเห็นว่ายาวเกินไป ส่งผลให้นักเรียนถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ สะท้อนว่าระบบการศึกษาของไทยเห็นระเบียบสำคัญกว่าเรื่องของสิทธิเสรีภาพ จึงเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน
จากกรณีดังกล่าว ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563 ได้วางแนวทางการไว้ทรงผมของนักเรียน เพื่อให้สร้างระเบียบวินัยแก่นักเรียน สร้างอัตลักษณ์ความเป็นนักเรียน ซึ่งเมื่อได้พิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่า ไม่ได้เป็นการจำกัดสิทธิของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ อันเป็นไปโดยชอบด้วยมาตรา 26 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
นอกจากนี้ การไว้ทรงผมของนักเรียนนั้น ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563 ข้อ 4 นักเรียนชายจะไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาว ด้านหลังต้องยาวไม่เลยตีนผม ด้านหน้าและกลางตามความเหมาะสม นักเรียนหญิงจะไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ กรณีไว้ยาวให้เป็นไปตามความเหมาะสม และรวบให้เรียบร้อย และข้อ 7 กำหนดให้สถานศึกษาโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา หรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียน วางระเบียบเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนที่มีความเฉพาะเจาะจงได้ เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้
ทั้งนี้ การดำเนินการให้ยึดหลักความเหมาะสมในการพัฒนาบุคลิกภาพที่ดีของนักเรียน และการมีส่วนร่วมของนักเรียน สถานศึกษา ผู้ปกครอง และชุมชนท้องถิ่น
ดังนั้น จะต้องพิจารณาว่า โรงเรียนได้ดำเนินการวางระเบียบการไว้ทรงผมของนักเรียนถูกต้องตามระเบียบของกระทรวงหรือไม่ หากสถานศึกษาได้วางระเบียบไม่ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ก็จะดำเนินการควบคุมดูแลให้การดำเนินการเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการต่อไป