‘ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ’ เทรนด์โลกหลังโควิด เตรียมดันไทยเป็น Wellness Destination ของนักท่องเที่ยว

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) จัดสัมมนาวิชาการ “โอกาสและความท้าทายของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศไทย” โดยมี ผศ.ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดี สายงานวิชาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมเชิญผู้เชี่ยวชาญทางด้านการท่องเที่ยวและ Wellness มาร่วมบรรยายพิเศษ ได้แก่ ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬา นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ ผศ.นพ. พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และอาจารย์ประจำหลักสูตรวิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มธบ. ดำเนินรายการโดย ผศ.ดร.กัลยา สว่างคง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย (RDI) และอาจารย์ประจำคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มธบ. ภายในงานมีคณาจารย์ ผู้ประกอบการ และนักศึกษาเข้าร่วมกว่า 200 คน ณ ห้องประชุมไสว สุทธิพิทักษ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ผศ.ดร.มณฑกานติ ชุบชูวงศ์ คณบดีคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลให้คนทั่วโลกให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพมากขึ้น รวมถึงมีการเดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ ทางคณะฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้จัดเวทีสัมมนาวิชาการขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฉลองการครบรอบ 55 ปี ของการก่อตั้งมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และเพื่อให้ความรู้แก่นักศึกษาและอาจารย์ของมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยในเครือข่าย ให้ได้รับความรู้อย่างกว้างขวางและเท่าทันสถาณการณ์ปัจจุบัน เพื่อเตรียมความพร้อมในผลิตบุคคลากรให้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในอนาคต

ด้าน ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬา กล่าวว่า ขณะนี้ประชากรโลกมีจำนวน 8 พันล้านคน และเป็นครั้งแรกที่คนเหล่านี้ตื่นตัว และเห็นความสำคัญของเรื่องสุขภาพพร้อมกัน ความสนใจเรื่องสุขภาพของคนทั้งโลก ทำให้ประเด็นเรื่องการทำงานด้านสุขภาพ รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโตขึ้นทันที แต่ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น คือ ก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมาเที่ยวไทยกว่า 40 ล้านคนต่อปี ขณะนี้เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว แต่ตัวเลขเดิมยังไม่กลับมา เพราะคนยังกลัวโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้ตั้งการ์ดสูงเป็นพิเศษ ส่งผลให้การเดินทางหลาย ๆ ที่ยังไม่เปิดเต็มที่ ขณะเดียวกัน ปัจจัยจากการเกิดสงคราม ส่งผลให้สินค้าด้านพลังงานและอาหารทั่วโลกสูงขึ้น กระทบถึงค่าเดินทางระหว่างประเทศด้วย ในขณะที่ จีนยังไม่เปิดประเทศ ทำให้ตัวเลขของนักท่องเที่ยวจีนที่มีสัดส่วนที่สูงที่สุดหายไปเช่นกัน

ภาพรวมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของทั่วโลกและไทย มี Segment ต่าง ๆ ให้เข้าไปเติมเต็มได้ เช่น การจัดโปรแกรมทัวร์ แบบไม่ Fixed Cost โดยการพานักท่องเที่ยวไปทำกิจกรรมที่สร้างคุณค่าเพิ่ม อย่าง การนั่งสมาธิ ออกกำลังกาย ทานอาหารคลีน เป็นต้น นอกจากนี้ อยากให้มองกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ และผู้พิการ เพราะว่าเมื่อไหร่ที่เราสามารถสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกรับกลุ่มคนเหล่านี้ได้ก็สามารถรับได้ทุกกลุ่ม ในส่วนของผู้ประกอบการท่องเที่ยวอาจเจออุปสรรคในเรื่องของการขาดแคลนบุคลากร ดังนั้น จึงต้องเปิดรับสมัครคนที่มีประสบการณ์มาทำงาน โดยเน้นคนที่มีความสามารถในการใช้ Digital มี Knowledge และ Skill เชื่อว่าเป็นโอกาสอันดีของนักศึกษาหากมีคุณสมบัติตามที่ตลาดต้องการ รวมถึงมีความรู้ที่หลากหลายในองคาพยพ สามารถเชื่อมโยงกันได้ระหว่างสิ่งที่จับต้องได้กับสิ่งที่จับต้องไม่ได้ รับรองไปได้รุ่งแน่นอน

ขณะที่ นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาค ภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ศูนย์วิจัยด้านการตลาดท่องเที่ยว ททท. เผยเทรนด์การท่องเที่ยวในปี 2023 มี 5 เทรนด์ คือ การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Brighter Future of Culinary Tourism) การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (Sustain to Regain) การท่องเที่ยวพร้อมการทำงาน (Work from Anywhere & Digital Nomad) การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ (Wellness a Gift from Pandemic) และ นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น (Innovation for a Betterment) ซึ่งเทรนด์ดังกล่าว ทำให้ไทยมีข้อได้เปรียบในเรื่องของอาหาร และ Wellness เนื่องจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยต่างให้ความสนใจในเรื่องของการทานอาหาร และการทำสปา เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเหล่านี้ ตรงกับเทรนด์การท่องเที่ยวในอนาคต มีความสอดคล้องและเป็นโอกาสทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวเข้าไปสู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้

ที่ผ่านมา ททท.พยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Wellness Destination หรือ Medical Tourism โดยดำเนินการทางด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้ก่อนการเดินทางมาท่องเที่ยว เนื่องจากการเดินทางเพื่อท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญ ททท.จึงพยายามสร้าง Image on Top of Mind ให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งไทยมีความพร้อมทั้งเรื่องของบุคลากรทางด้านการแพทย์ และเรื่องของอาหารไทย ในการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยังต้องมองถึง Supply Chain เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม ทำให้เกิดการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในระบบทั้งหมด ดังนั้น ททท.จึงเข้ามาช่วยทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ สร้างภาพลักษณ์ที่ดี ทำความท้าทายเหล่านั้นให้ยั่งยืนได้

ทางด้าน ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และอาจารย์ประจำหลักสูตรวิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มธบ. กล่าวว่า โควิด-19 เป็นตัวช่วยที่ทำให้คนใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น ทำให้โอกาสการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพนี้มาถึงไทย แต่จะมีวิธีสื่อสารอย่างไรให้คนทั่วโลกมาประเทศไทย เพื่อเป็น Destination ดังนั้นหลายหน่วยงานจึงได้รวมตัวกันเพื่อทำให้ไทยเป็น Destination ทางด้านสุขภาพ เพราะมองว่าถ้าเราเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็น Destination of Medical Spa ให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มาทำสปา พร้อมมีบริการทางการแพทย์ และเรื่องสุขภาพ เป็น Backup จะสร้างรายได้มหาศาล

ไทยเป็นหมุดหมายที่มีการแพทย์ในแนวป้องกันที่ดีสุด อันดับต้น ๆ ของโลก แน่นอนถ้าวิทยาการทางการแพทย์เข้ามาหลอมรวมอยู่ในการดูแลสปา จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวได้ แต่จะทำอย่างไรให้ภาพลักษณ์นี้ออกไปสู่สายตาชาวโลกได้ ดังนั้น จึงต้องพึ่ง Soft Power ด้วยการสร้างภาพประทับใจ ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ดีงามในประเทศไทยที่เราได้รู้ได้เห็น ให้อัพโหลดลงโซเชียลมีเดียไปเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดจะเป็นไวรัลให้นักท่องเที่ยวเห็นและเกิดความประทับใจที่ได้เห็นสิ่งดี ๆ ของประเทศไทย จึงอยากฝากถึงนักศึกษาว่า ท่านเป็นกลุ่มคนที่จะช่วยให้ประเทศไทยในอนาคตมีการเจริญเติบโตที่ยั่งยืน หากเราจะดำรงหน้าที่ตรงนั้นในวงการท่องเที่ยว เราต้องรู้เหตุผล หลักการ รวมทั้งข้อมูลเสียก่อน เพื่อนำมาสื่อสารและพัฒนา Skill ในด้านต่าง ๆ ให้ตรงตามสายงาน” ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

RANDOM

NEWS

สสส. ร่วมกับ สคล. เชิญชวนโรงเรียนประถมศึกษาเข้าร่วมกิจกรรม “มารู้จักเจ้าชายภูมิพลกันเถอะ” ดาวน์โหลดรายละเอียดกิจกรรมได้ที่เว็บไซต์ ‘โรงเรียนคำพ่อสอน.com’ พร้อมรับเกียรติบัตรจากทางโครงการฯ สมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกวดเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ หัวข้อ “ASEAN-IPR Cybersecurity Youth Essay Competition” ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าร่วมการประชุม ASEAN-IPR Regional Conference on Cybersecurity และมีโอกาสนำเสนอเรียงความในที่ประชุมดังกล่าว สมัครด่วน หมดเขต 22 พ.ย. นี้

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!