เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (รมว.รง.) ร่วมเป็นประธานเปิดงาน “ศึกษาธิการ – แรงงาน ร่วมใจ สู่ไทยมีงานทำ” ภายใต้ความร่วมมือในการส่งเสริมการศึกษาและการมีงานทำให้แก่นักเรียน นักศึกษา และแรงงานทุกระดับ ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับ กระทรวงแรงงาน โดยมี นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงศ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการสภาการศึกษา นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และสถานประกอบการ ร่วมงาน ณ วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ในการจัดการศึกษานั้น สถานศึกษาต้องพัฒนาผู้เรียนทุกระดับการศึกษา ให้มีวิธีคิดและทักษะที่เป็นสากล สอดคล้องกับศตวรรษที่ 21 มุ่งเน้นการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย โดยยึดความสามารถของผู้เรียนเป็นหลัก และพัฒนาผู้เรียนให้เกิดสมรรถนะที่ต้องการได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ อีกทั้งการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับประชาชนทุกช่วงวัย ให้ได้รับการศึกษาตามความต้องการอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน รวมทั้งการพัฒนาทักษะทางอาชีพของผู้เรียน สร้างอาชีพและรายได้ที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
รมว.ศธ. กล่าวต่อว่า จากความร่วมมือ เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2565 สู่การขับเคลื่อนการบรูณาการการทำงานร่วมกันระหว่าง กระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวงแรงงาน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีงานทำ สร้างแรงงานที่มีศักยภาพ มีรายได้ มีหลักประกันความมั่นคง เป็นที่พึ่งของตนเองและผู้อื่น ถือเป็นการพัฒนาศักยภาพของนักเรียน นักศึกษา รวมถึงแรงงานทุกระดับให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะฝีมือ ให้เป็นไปตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ทั้งด้านปริมาณ และคุณภาพ รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคต ตลอดจนพัฒนาสมรรถนะในการแข่งขันของประเทศ ให้ผู้จบการศึกษาในทุกระดับ และแรงงาน มีอาชีพ มีคุณภาพชีวิตที่ดี
ตลอดระยะเวลา 1 ปี ในการดำเนินงานร่วมกัน ส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนที่เกิดประโยชน์ต่อนักเรียนนักศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่ง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เป็นหน่วยงานหลัก ที่ร่วมบูรณาการกับทุกภาคส่วนของทั้งสองกระทรวง ตามกรอบการดำเนินงาน 4 ด้าน ดังนี้ 1. ด้านระบบฐานข้อมูล Big Data และการส่งเสริมการมีงานทำ การจัดทำแพลตฟอร์มกลาง “ไทยมีงานทำ” ในการบริหารจัดการส่งเสริมการศึกษา และการมีงานทำแก่นักเรียน นักศึกษา และแรงงานทุกระดับ ให้ทุกภาคส่วนทราบอย่างทั่วถึง โดยมีผู้สำเร็จการศึกษาจากสถานศึกษาในสังกัด สอศ. ได้ประโยชน์จากการเข้าถึงแหล่งงานจากผู้ประกอบการโดยตรง จำนวน 420,494 คน 2. ด้านการพัฒนาหลักสูตร และการพัฒนาบุคลากรและครูผู้สอน ในหลักสูตร Up – Skill, Re – Skill และหลักสูตร e – Learning ที่เชื่อมโยงกับมาตรฐานฝีมือแรงงาน และกฎหมายแรงงานที่ควรรู้ โดยมีการพัฒนาหลักสูตรยานยนต์ไฟฟ้า EV เชื่อมโยงกับมาตรฐานฝีมือแรงงาน 7 สาขาอาชีพ ในสถานศึกษา จำนวน 52 แห่ง มีหลักสูตรได้รับการรับรองจากคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ จำนวน 42 สาขาวิชา หลักสูตรที่เชื่อมโยงกับมาตรฐานฝีมือแรงงาน 273 สาขาอาชีพ จำนวน 933 รายวิชา หลักสูตรระยะสั้นที่เชื่อมโยงกับกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ จำนวน 5 สาขาอาชีพ (สาขาอาชีพช่างยนต์, อาชีพช่างเชื่อมโลหะ, อาชีพผู้ประกอบการอาหารและโภชนาการ, อาชีพช่างเสริมสวย, อาชีพช่างไฟฟ้า)
3. ด้านการทดสอบและการจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานและการประเมินการจัดตั้งศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถ เป็นการยกระดับสมรรถนะนักเรียน นักศึกษา และแรงงานทุกระดับด้วยระบบการรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงาน โดยมีศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานในสถานศึกษาสังกัด ศธ. เพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น 264 แห่ง มีผู้อบรมทดสอบในปี พ.ศ. 2565 จำนวน 266 คน และในปีนี้ มีจำนวน 251 คน โดยศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถ ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการจัดตั้งศูนย์ในสถานศึกษาเป็นระยะเวลา 3 ปี 4. ด้านการส่งเสริมและพัฒนางานในการจัดการอาชีวศึกษาด้านทวิภาคี และการแข่งขันฝีมือแรงงาน เป็นการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีคุณภาพสูง เพื่อยกระดับกำลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง จัดฝึกอบรมครูฝึกในสถานประกอบการ จำนวน 1,966 คน การพัฒนาระบบยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ ผ่านระบบ PRB e-service เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่สถานประกอบการที่เข้าร่วมการจัดการอาชีวศึกษาทวิภาคี การดำเนินงานร่วมกับ สำนักงานประกันสังคม ปรับปรุงแนวทางการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และพัฒนานักเรียน นักศึกษาให้มีสมรรถนะสูงตามมาตรฐานสากล World Skills
ซึ่งจากการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่าง 2 กระทรวง ส่งผลทำให้เกิดประโยชน์ต่อนักเรียนนักศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการในวงกว้าง ซึ่งจะเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพของประเทศไทย มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีอาชีพและมีรายได้ที่เหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ ภายในงานจัดให้มีตลาดนัดแรงงาน (Job Fair) การรับสมัครงานของสถานประกอบการ การอบรมอาชีพอิสระ หรือ 108 อาชีพ การรับสมัครออนไลน์ ฝึกอบรมหลักสูตร Up-Skill และให้บริการลงทะเบียนหางานออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม ไทยมีงานทำ (Thaiมีงานทำ) ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจหางานสามารถลงทะเบียนผ่าน แพลตฟอร์ม ไทยมีงานทำ (Thaiมีงานทำ) ได้อีกด้วย