แนวคิด Aging Gracefully คืออะไร? การเผชิญความชราอย่างสง่างาม ทำได้อย่างไร? อาจารย์นักจิตวิทยาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีคำตอบ สำหรับผู้ที่กำลังจะก้าวสู่สังคมสูงวัย ให้มีความมั่นใจทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต
ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” โดยสมบูรณ์ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 โดยมีประชากรวัยตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป กว่า 20% ของประชากรในประเทศ แม้ว่าการมีชีวิตยืนยาวจะหมายถึงสัญญาณของการมีสุขภาพที่ดี แต่อายุที่เพิ่มขึ้นก็เต็มไปด้วยความรู้สึกกดดันทางอารมณ์ด้วยเช่นกัน อาทิ ความกังวลต่อรูปลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนไป ความกลัวที่จะสูญเสียความสามารถในการดูแลตัวเอง หรือ กลัวต้องเจ็บป่วยรุนแรงเมื่อเข้าสู่วัยชรา
เมื่ออายุมากขึ้น หลายคน ๆ อาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของตัวเอง เช่น ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย กระ ฝ้า ต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ฯลฯ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า เรากำลังแก่ตัวลง และเมื่อถึงวัยสูงอายุ (ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป) ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน ทั้งทางร่างกาย สมอง อารมณ์ และการเข้าสังคม วัยชราจึงเป็นวัยที่คนส่วนใหญ่กลัว
Aging Gracefully ก้าวสู่วัยชราอย่างไรให้สง่างาม
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “Aging Gracefully” หรือ “Pro Aging Movement” ผ่านหูมาบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสื่อต่างประเทศ ซึ่งเป็นกระแสที่เกี่ยวข้องกับความสวยความงาม โดยมีบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น ดารานักแสดงหลายคนประกาศตัวว่าพึงพอใจกับรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไปตามวัย และยืนยันที่จะไม่ทำศัลยกรรม หรือ ปกปิดริ้วรอยแห่งวัย เพื่อให้ตัวเองดูหนุ่มสาวลง อาทิ โอปราห์ วินฟรีย์ ดรูว์ แบรีมอร์ นาโอมิ แคมป์เบล รีส วิทเธอสปูน เพเนโลพี ครูซ ฮัลลี เบอร์รี เจนนิเฟอร์ อนิสตัน เคท วินสเลท ชารอน สโตน คาเมอรอน ดิอาซ กวินเน็ท พัลโทรล ฯลฯ
อ. ดร.นิปัทม์ พิชญโยธิน ประธานแขนงวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ และผู้เชี่ยวชาญศูนย์จิตวิทยาพัฒนาการและความสัมพันธ์ระหว่างวัย (Life Di) คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในการศึกษาด้านจิตวิทยาพัฒนาการ นักจิตวิทยา พบว่า ความเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับวัยไหน ความยากง่ายหรือเร็วช้าในการปรับตัวจะขึ้นอยู่กับบุคคลเสมอ ซึ่งในแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันออกไป มองได้ทั้งแบบที่เป็นปัญหา และไม่เป็นปัญหา แต่จากประสบการณ์ของตัวอาจารย์เอง ผู้ใหญ่หรือผู้สูงวัยมักจะมาพร้อมกับการปรับตัวที่ดี
“บางคนที่มีองค์ความรู้ในการดูแลตัวเอง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ และยิ่งมีทุนทรัพย์ในการดูแลรูปลักษณ์ภายนอก ก็อาจจะสามารถชะลอความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นช้าลงได้ เทรนด์ที่เกิดขึ้น ก็คือ คนส่วนใหญ่จะไม่รอให้เกิดขึ้นก่อนแล้วจึงค่อยแก้ปัญหา แต่จะเริ่มสนใจหาข้อมูลตั้งแต่ในวัยทำงาน เกี่ยวกับศาสตร์ชะลอวัยต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น”
Aging Gracefully ในมิติที่มากกว่าเรื่องของความงาม
อ. ดร.นิปัทม์ กล่าวต่อว่า เรื่องของ Aging Gracefully นั้น สามารถมองได้ในหลายมิติ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะให้คุณค่ากับเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก ยกตัวอย่างเช่น ดารานักแสดงบางคนที่จะไม่แต่งหน้าเลย หรือ ปล่อยให้ผมขาว เพราะเขารู้สึกพอใจกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้น โจทย์ตั้งต้นควรจะเป็นคำถามที่ว่า คำว่า gracefully ในความหมายของแต่ละคน เหมือนหรือต่างกันอย่างไร เพราะแต่ละคนก็มีจุดมุ่งหมายไม่เหมือนกัน
“บางคนอาจจะเช็คตัวเองในกระจกทุกวัน เพราะรักในรูปลักษณ์และการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี แล้วนำมาซึ่งความภูมิใจในตัวเอง แต่กลับบางคนอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกขนาดนั้น หลาย ๆ คนเป้าหมายในชีวิตของเขาไม่ได้อยู่ที่เรื่องของความสวยความงาม แต่ให้คุณค่ากับเรื่องอื่น ๆ แทน” อ. ดร.นิปัทม์ กล่าว
ดังนั้น Aging Gracefully จึงไม่ได้หมายถึง การที่เราอายุเพิ่มขึ้นแล้วยังดูหนุ่มดูสาวหรือมีรูปลักษณ์ที่งดงามเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการใช้ชีวิตอย่างดีที่สุด มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีตามอายุที่เพิ่มขึ้น ด้วยการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม
Successful Aging แนวคิดเพื่อนำไปสู่การเป็นผู้สูงวัยที่ปรารถนา
อีกหนึ่งแนวคิดที่น่าสนใจ คือ การเป็นผู้สูงวัยที่ประสบความสำเร็จ (Successful Aging) ซึ่งหมายถึง ความสามารถที่จะคงความเป็นตัวตน หรือ อัตลักษณ์ของตนเอาไว้ แม้ในยามที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น โดยอัตลักษณ์ดังกล่าว เกิดจากแนวคิดที่ว่า ฉันมองตัวเองเป็นอย่างไร และอยากจะเติบโตไปเป็นผู้สูงวัยแบบไหน
ผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จจะค่อย ๆ นำพาตัวเองเข้าไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในอุดมคตินั้น ๆ เพราะการสูงวัยไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจสำหรับเจ้าตัว มันเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ว่า มันจะต้องเกิดขึ้น และโดยธรรมชาติ ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่มักจะปรับตัวได้ แต่หากความเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้สังเกต หรือ เริ่มมีฟีดแบ็คจากข้างนอกเข้ามาสั่นคลอนข้างใน ก็อาจจะเกิดความหงุดหงิด สับสน และความทุกข์ใจได้เช่นกัน
ซึ่งต้องกลับไปดูในแต่ละเคสว่า ต้นตอของความรู้สึกไม่มั่นคงเหล่านั้น เกิดจากอะไร บางทีเราอาจจะเจอในรูปแบบของการถูกลดเกียรติ ถูกลดคุณค่า คือ จากคนที่เคยทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ต้องมาพึ่งพาลูกหลาน ซึ่งเป็นเรื่องของการสูญเสียตัวตน ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ
อ. ดร.นิปัทม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อดีของคนเจน X และเจน Y ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย ก็คือ มีการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ได้มากขึ้น ได้เห็นตัวอย่างของผู้สูงวัยที่ประสบความสำเร็จในอดีตจำนวนมาก รวมถึงตัวอย่างอื่น ๆ ทั้งที่ดีและไม่ดีในหลาย ๆ มิติ ซึ่งก็กลับไปสู่คำถามที่ว่า เราอยากจะเป็นผู้สูงวัยแบบไหนในสายตาของตัวเองและคนรอบข้าง
Mindset ที่ดีต่อการเข้าสู่ภาวะสูงวัย
การมี mindset เชิงบวกต่อภาวะสูงวัย เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการก้าวไปสู่การเป็นผู้สูงวัยที่สง่างาม และต่อไปนี้ คือ ตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของกรอบความคิดเชิงบวก ที่จะช่วยให้ผู้ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยผู้สูงอายุมีความสุขอย่างสง่างาม
น้อมรับความเปลี่ยนแปลง – เมื่ออายุมากขึ้น เราจะต้องพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงอีกมากมาย ทั้งทางร่างกาย รูปลักษณ์ และจิตใจ การยอมรับและน้อมรับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ สามารถช่วยให้เราคิดบวก และจดจ่อกับสิ่งที่เรายังสามารถทำได้ แทนที่จะใช้เวลาไปกับการกังวลถึงสิ่งที่เราเคยทำได้ เมื่อยังแข็งแรงหรืออ่อนเยาว์กว่านี้
ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ – การเรียนรู้สิ่งใหม่และการได้ทดลองประสบการณ์ใหม่ ๆ จะทำให้เรารู้สึกกระตือรือร้นในชีวิต และสามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับคนอื่น ๆ รอบตัว ซึ่งจะช่วยให้เรารักษาเป้าหมายของการเป็นผู้สูงวัยอย่างสง่างาม และมีความสุขได้
รักษาเครือข่ายทางสังคมเอาไว้ – การได้พูดคุย มีปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว เครือญาติ เพื่อน และคนอื่น ๆ ในสังคม สามารถช่วยให้เรารักษาทัศนคติเชิงบวก และ emotional support หรือ กำลังใจที่ดีได้
มีความสำนึกรู้คุณ (gratitude) ต่อสิ่งต่าง ๆ – ฝึกขอบคุณตัวเองและคนรอบตัว เห็นคุณค่าของการมีชีวิตและการเติบโตเป็นผู้สูงวัย ชื่นชมประสบการณ์ที่ผ่านมา และพอใจในสิ่งที่มี โดยการมุ่งเน้นไปที่พลังบวกในชีวิต ก็จะสามารถช่วยให้เรารักษา mindset ที่ดีเอาไว้ได้
ดูแลสุขภาพร่างกายอย่างดีที่สุด – รักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และตรวจสุขภาพเป็นประจำ จะช่วยให้เรารู้สึกดีกับตัวเอง และยังสามารถพึ่งพาตัวเองได้ แม้เมื่ออายุมากขึ้น
Mindset เชิงบวกต่อภาวะสูงวัยโดยสรุป ก็คือ การมองโลกในแง่ดี การมีส่วนร่วมและเชื่อมโยงตัวเองกับชุมชนและสังคม การมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่ทำให้เรามีความสุข และภูมิใจในตัวเอง เพื่อให้เรามีอายุยืนยาว และมีความสุขกับทุกสถานการณ์ในชีวิต ดังนั้น การได้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ดังกล่าว ก็จะช่วยให้ผู้สูงอายุปรับตัวได้ดียิ่งขึ้น