นวัตกรรม ‘เครื่องสกัดเทอร์ปีนและน้ำมันหอมระเหยแบบเคลื่อนที่’ หนุนผลิตสารมูลค่าสูงจากไม้ดอกและสมุนไพรไทย เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมการผลิตยาแพทย์แผนไทยและเวชสำอาง ฝีมือนักวิจัย มจธ.

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

น้ำมันหอมระเหยจากไม้ดอกและสมุนไพรบางชนิด เป็นสารสกัดมูลค่าสูงที่กำลังเป็นที่นิยมในตลาดโลก ด้วยคุณสมบัติอันหลากหลายที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทั้งในด้านสุขภาพ ความงาม และเวชภัณฑ์ ข้อมูลจาก imarcgroup.com พบว่า ในปี 2566 ตลาดน้ำมันหอมระเหยทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 12.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แตะ 24.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2575 เช่นเดียวกับ ตลาดน้ำมันหอมระเหยในประเทศไทยที่ในปี 2565 ตลาดน้ำมันหอมระเหยเติบโตและมีมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท (ข้อมูลจาก positioningmag.com)

ด้วยโอกาสในการแข่งขันในตลาดโลกผนวกกับจุดแข็งของประเทศไทยที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายด้านพันธุ์พืชทั้งไม้ดอกและสมุนไพรมากกว่า 20,000 ชนิด ถือเป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นดีสำหรับการสกัดน้ำมันหอมระเหย ทีมวิจัยจากภาควิชาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ประกอบด้วย ผศ. ดร.อาลักษณ์ ทิพยรัตน์ ผศ. ดร.จักรภพ วงศ์วิวัฒน์ ดร.ภัทรินทร์ สุพานิชวาทิน และ นายธนบดี มีลาภ ร่วมกันคิดค้น “เครื่องสกัดเทอร์ปีนและน้ำมันหอมระเหยแบบเคลื่อนที่จากสมุนไพรและดอกไม้หอมไทย โดยใช้เทคโนโลยีก๊าซตัวทำละลายควบแน่นที่อุณหภูมิและแรงดันต่ำ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตยาแพทย์แผนไทยและเวชสำอาง” ขึ้นเป็นผลสำเร็จ

เครื่องสกัดเทอร์ปีนและน้ำมันหอมระเหยแบบเคลื่อนที่ เป็นวิธีการการสกัดน้ำมันหอมระเหยรูปแบบใหม่ ที่เป็นระบบปิด (Close Loop System) โดยใช้ก๊าซเป็นตัวทำละลาย (Solvent) ทำให้เกิดการควบแน่นเป็นของเหลว เป็นการสกัดในอุณหภูมิต่ำ -20 องศาเซลเซียส ซึ่งตัวทำละลายที่ใช้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หมุนเวียนในระบบปิดได้อย่างต่อเนื่อง วิธีนี้ทำให้ได้สารสกัดและสาระสำคัญมูลค่าสูงในปริมาณที่มาก มีความบริสุทธิ์สูง ใช้เวลาในการสกัดน้อยลง และสามารถรักษาคุณภาพของสารสกัดไว้ได้มากขึ้น ซึ่งสามารถแก้ไขข้อจำกัดของการสกัดน้ำมันหอมละเหยวิธีเดิม อย่างการสกัดด้วยวิธีสกัดแบบการกลั่นไอน้ำ (Steam Distillation) หรือ วิธีสกัดด้วยตัวทำละลายอินทรีย์ (Solvent Extraction) ได้

ผศ.ดร.อาลักษณ์ ทิพยรัตน์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ และหัวหน้าคณะวิจัยฯ กล่าวว่า จากการทดสอบการสกัดกระท่อม (Mitragyna Speciosa Korth) เพื่อสกัดสาร “Mitragynine” ที่มีฤทธิ์ในการแก้ปวดคล้ายกับมอร์ฟีน ซึ่งเป็นสารสำคัญที่มีมูลค่าสูงถึง 5 ล้านบาทต่อกิโลกรัม ด้วยเครื่องสกัดเทอร์ปีนและน้ำมันหอมระเหยแบบเคลื่อนที่ พบว่า สามารถสกัดสาร Mitragynine ได้ในปริมาณที่มากกว่าวิธีการสกัดแบบเดิมหลายเท่าตัว โดยปกติแล้วการสกัดสารจากกระท่อม ต้องนำใบกระท่อมมาผ่านการอบแห้งที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส จนได้เป็นผงกระท่อมแห้ง แล้วจึงนำไปสกัด ซึ่งสามารถสกัดสารออกมาได้ประมาณ 1-2% แต่เมื่อนำมาสกัดด้วยเครื่องสกัดเทอร์ปีนและน้ำมันหอมระเหยแบบเคลื่อนที่ สามารถสกัดจากใบกระท่อมสดได้เลย และได้ปริมาณสารสกัด Mitragynine มากถึง 43% ในระยะเวลาเพียง 10 ชั่วโมง นอกจากปริมาณที่ได้มากขึ้นแล้ว วิธีการสกัดรูปแบบนี้ยังสามารถคงสภาพสารที่มีสรรพคุณทางยาตัวอื่น ๆ อย่างสารประกอบ กลุ่มอัลคาลอยด์ (Alkaloids) และ สารประกอบกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ไว้ได้ในระดับความเข้มข้นที่มากกว่าวิธีการสกัดปกติ

อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ คือ เครื่องนี้เป็นระบบโมบายด์ (Mobile) สามารถเคลื่อนย้ายเครื่องไปสกัดน้ำมันหอมระเหยได้ที่แปลงปลูกไม้ดอก หรือ สมุนไพรของเกษตรกรได้โดยตรง จากเดิมที่ต้องใช้เวลาในการส่งวัตถุดิบไปสกัดที่โรงงาน ซึ่งความสดใหม่ของวัตถุดิบที่ตัดแล้วนำเข้าสกัดทันที จะทำให้สารสกัดที่ได้มีคุณภาพและปริมาณที่สูงกว่าวิธีการแบบเดิม ทั้งยังสามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับไม้ดอกในช่วงล้นตลาดในพื้นที่นั้น ๆ ได้อีกด้วย และยังการสามารถลดคาร์บอนฟุตพรินท์ที่เกิดจากการขนส่งดอกไม้สดได้อีกทางหนึ่งด้วย

ที่ผ่านมา ประเทศไทยนำเข้าเครื่องสกัดสารมูลค่าสูงอย่างกลุ่มเทอร์ปีนและน้ำมันหอมระเหยจากต่างประเทศมาโดยตลอด ซึ่งมีราคาสูงในระดับหลายสิบล้านบาท ทั้งยังไม่มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการไทย ดังนั้น การที่สามารถคิดค้นและผลิตเครื่องสกัดเทอร์ปีนและน้ำมันหอมระเหยแบบเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเอง นอกจากจะประหยัดงบประมาณในการนำเข้าแล้ว ยังสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้จากงานวิจัยทั้งหมด ประกอบด้วย การผลิตเครื่อง การออกแบบกระบวนการผลิต การเลือกตัวทำละลาย หรือ การหาวิธีการที่เหมาะสมในการสกัดพืชหรือสมุนไพรแต่ละชนิด รวมถึงวิธีการซ่อมบำรุงให้กับบุคลากรไทยได้ ซึ่งเป็นการพัฒนากำลังคนในประเทศให้มีความสามารถมากขึ้น และยังสามารถส่งต่อองค์ความรู้ที่ค้นพบให้กับผู้ผลิตในอุตสาหกรรมน้ำมันหอมระเหยของประเทศได้อีกด้วย นับเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมทั้งระบบ เพื่อให้ประเทศไทยพร้อมคว้าโอกาสทองในตลาดสารสกัดมูลค่าสูงในระดับโลกได้

ผลงานนวัตกรรมชิ้นนี้ได้รับรางวัลนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ระดับโลกหลายรางวัล อีกทั้งยังได้รางวัลระดับดีเด่น (สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย) ในงานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2567 (Thailand Inventors’ Day 2024) ครั้งที่ 25 ซึ่งจัดโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ที่มีการประกาศไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

RANDOM

NEWS

สสส. ร่วมกับ สคล. เชิญชวนโรงเรียนประถมศึกษาเข้าร่วมกิจกรรม “มารู้จักเจ้าชายภูมิพลกันเถอะ” ดาวน์โหลดรายละเอียดกิจกรรมได้ที่เว็บไซต์ ‘โรงเรียนคำพ่อสอน.com’ พร้อมรับเกียรติบัตรจากทางโครงการฯ สมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกวดเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ หัวข้อ “ASEAN-IPR Cybersecurity Youth Essay Competition” ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าร่วมการประชุม ASEAN-IPR Regional Conference on Cybersecurity และมีโอกาสนำเสนอเรียงความในที่ประชุมดังกล่าว สมัครด่วน หมดเขต 22 พ.ย. นี้

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!