รศ.ดร.อุเทน คำน่าน รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ล้านนา กล่าวว่า พื้นที่ภาคเหนือประสบปัญหาฝุ่น PM 2.5 มาเกือบ 20 ปี และเรื่องนี้ถือเป็น Pain Point ที่สำคัญของ มทร.ล้านนา ที่ได้ดำเนินการแก้ไขมาโดยตลอด โดยสร้างความร่วมมือกับหลายหน่วยงาน ทั้งการหารือร่วมกับ คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) .ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่องของทุนวิจัย นวัตกรรมและเทคโนโลยีของประเทศ ในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เพราะ ฝุ่น PM 2.5 ได้สร้างผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ อย่างมาก
“ตอนนี้สภาพแวดล้อม การใช้ชีวิตของคนภาคเหนือแตกต่างไปจากเดิม กำลังประสบปัญหากับฝุ่น PM 2.5 อย่างหนัก ส่งผลให้ธุรกิจหลาย ๆ แห่งต้องปิดตัวลง และผู้คนมีความเจ็บป่วยมากขึ้น ทำให้โครงสร้างของสังคมเปลี่ยนแปลง ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก มทร.ล้านนา ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาลดภาวะฝุ่น PM 2.5 โดยการจัดทำพื้นที่เชฟโซนให้ชุมชน อย่างพื้นที่ดอยสะเก็ด มีการจัดทำศูนย์พักพิง หรือ การสร้างนวัตกรรมเครื่องดักจับฝุ่น และการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเผาป่า การแปรรูปอุตสาหกรรม พื้นที่ทางการเกษตรที่เป็นสาเหตุหลัก ๆ ทำให้เกิดฝุ่นควัน”
ทั้งนี้ 80-90% ของพื้นที่ภาคเหนือ จะมีการแปรรูปอุตสาหกรรมการเกษตร ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่มักจะปรับเปลี่ยนพื้นที่การเกษตร โดยใช้วิธีการเผาที่ทำให้เกิดฝุ่นควันได้ ดังนั้น มทร.ล้านนา จะมีการนำเทคโนโลยี นวัตกรรมเข้าไปช่วยเกษตรกร ชาวบ้านเปลี่ยนเผาเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม
รศ.ดร.อุเทน กล่าวต่อว่า มทร.ล้านนา มีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 การสร้างนวัตกรรมเกี่ยวกับการจัดการปัญหาฝุ่น PM 2.5 จำนวนมาก อาทิ ศ.ดร.พานิช อินต๊ะ เป็นหัวหน้าหน่วยวิจัยสนามไฟฟ้าประยุกต์ในงานวิศวกรรม และบรรณาธิการวารสารวิจัยเทคโนโลยีนวัตกรรม ซึ่งได้ทำเรื่องการจัดการฝุ่นมาตั้งแต่ตอนทำวิจัยปริญญาเอก และมีผลงานนวัตกรรมการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 มากมาย เช่น หน้ากากป้องกันฝุ่น เทคโนโลยีดักจับฝุ่น หรือ เครื่องบำบัดอากาศระบบไฟฟ้าสถิต ที่มีการทำงาน 2 ขั้นตอนหลัก คือ การดักจับฝุ่นขนาด PM 10 และ PM 2.5 ด้วยระบบไฟฟ้าสถิต (Electrostatic ionizer) แล้วจึงฆ่าทั้งแบคทีเรียและไวรัสที่ลอยอยู่ในอากาศด้วยระบบนอนเทอร์มอลพลาสมา (Non-thermal plasma) ก่อนจะปล่อยอากาศสะอาดคืนสู่ภายนอก สามารถกำจัดฝุ่นออกจากอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 99 เป็นต้น
รักษาการอธิการบดี มทร. ล้านนา กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น ทางมหาวิทยาลัยยังมีเทคโนโลยีเกี่ยวกับการจัดการไฟป่า อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดหมอกควันทางภาคเหนือ และ ฝุ่น PM 2.5 อย่าง “ระบบเซนเซอร์” ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแจ้งเตือน และรู้พิกัดไฟป่า ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปดับเพลิงได้ทันท่วงที ควบคุมการลามของไฟป่าได้ เป็นการลดปัญหาหมอกควัน ฝุ่นละออง PM 2.5 อันเกิดจากไฟป่า และที่สำคัญลดการสูญเสียเจ้าหน้าที่ดับเพลิง เพราะที่ผ่านมา เวลาเข้าไปดับเพลิง หากไม่รู้ทิศทางลม มีหลายครั้งที่เกิดความสูญเสียในพื้นที่ รวมถึงพัฒนา “Smoke Watch : แอปพลิเคชันแจ้งเตือนและเฝ้าระวังไฟป่า จากการเผาในที่โล่ง ร่วมกับ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อบริหารจัดการข้อมูลการแจ้งเหตุเผาไฟป่า และเข้าระงับเหตุได้ตรงจุดอย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายจะขยายพื้นที่ติดตั้งระบบและนวัตกรรมต่าง ๆ ให้ครอบคลุมพื้นที่ในเขตภาคเหนือ
“อย่างไรก็ตาม มทร.ล้านนา ได้ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทุกระดับ ทั้งระดับชุมชน จังหวัด และ ภายในมหาวิทยาลัย โดยในมหาวิทยาลัยจะมีการจัดทำห้องปลอดฝุ่น มีการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในห้องเรียน มีการปลูกต้นไม้สีเขียวมากขึ้น และมีระบบแจ้งเตือน เมื่อค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน รวมถึงการปลูกฝัง และขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่บุคลากรทุกคนให้ร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5” รศ.ดร.อุเทน กล่าวทิ้งท้าย