เจาะแนวคิด Learn to Earn ในงานศิลปะ ผ่านมุมมองของรุ่นพี่ยุวศิลปินไทย ผู้ประสบความสำเร็จบนเส้นทางที่เลือกแล้ว

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

มูลนิธิเอสซีจี สนับสนุนให้เด็กและเยาวชนรู้จักและเข้าใจถึงแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด ด้วยการนำทักษะที่มีทั้ง Hard Skill และ Soft Skill มาใช้ในแต่ละโอกาส เพื่อให้อยู่รอดได้ในโลกยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งที่ผ่านมา มูลนิธิฯได้ให้การสนับสนุนและต่อยอดความรู้ความสามารถของเด็กและเยาวชนไทย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาทักษะในทุกด้าน โดยเฉพาะการเรียนรู้และการพัฒนาที่จะต้องทำตลอดชีวิต เพื่อที่จะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่ตลอดเวลา

ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิเอสซีจี ได้ส่งเสริมและต่อยอดเยาวชนผ่านเวทีศิลปะ Young Thai Artist Award หรือ โครงการยุวศิลปินไทย หนึ่งในเวทีด้านศิลปะที่ใหญ่เวทีหนึ่งของประเทศไทย ในแต่ละปีจะมีศิลปินรุ่นใหม่ที่ส่งผลงานเข้าประกวด และได้รับรางวัลมากถึง 6 สาขาของงานศิลปะ ซึ่งการสร้างสรรค์งานศิลปะนั้น จะสอดคล้องไปกับประสบการณ์ของศิลปินผู้สร้างชิ้นงาน เพราะศิลปะ คือ การเดินทางของชีวิต ศิลปินจะสร้างงานจากประสบการณ์ชีวิตที่เป็นความชอบ หรือ ความในใจ ซึ่งผลงานที่แสดงออกมา จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นตัวตนของศิลปินเจ้าของผลงานนั้น นอกจากจะส่งเสริมสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่แล้ว ยังเป็นการตอกย้ำถึงแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอดของศิลปินผู้สร้างผลงานแต่ละคน ที่ได้ learn แล้ว earn จนชีวิตของพวกเขาก้าวสู่ความสำเร็จ นับเป็นโอกาสดีที่เราได้พูดคุยกับรุ่นพี่ศิลปินเจ้าของรางวัลยุวศิลปินไทย (Young Thai Artist Award) ที่จะมาบอกเล่าถึงที่มาของความสำเร็จในวันนี้

อนุชา บุญยะวรรธนะ เจ้าของรางวัลยอดเยี่ยมสาขาภาพยนตร์ ปี 2547 ซึ่งเป็นปีแรกของการจัดโครงการ Young Thai Artist Award จากผลงาน “ตามสายน้ำ” เล่าว่า การทำงานในวงการภาพยนตร์นั้น จะต้องการบุคลากรที่มีหลายทักษะที่จำเป็น ซึ่งเป็นทักษะเฉพาะของการทำงานด้านนี้ เช่น ทักษะการสร้างสรรค์ด้านภาพ แต่งหน้า ทำเสื้อผ้า ทำฉาก รวมถึงการจัดการ นอกจากจะมีทักษะเฉพาะนี้แล้ว ยังต้องมีการพัฒนาทักษะนั้น อีกทั้งต้องหมั่นอัปเดตอยู่ตลอดเวลา นับเป็นความโชคดีที่มีหลายหน่วยงานจัดหลักสูตรเกี่ยวกับงานในวงการภาพยนตร์ เพื่อให้คนในวงการสามารถไป upskill หรือ reskill เพื่อพัฒนาฝีมือได้ สำหรับตัวเองนั้นนอกจากการฝึกฝนและพัฒนาแล้ว ยังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิด ความชอบ และพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ ที่จะเป็นกลุ่มลูกค้าในอนาคต เพื่อที่จะสร้างภาพยนตร์ให้ตรงใจกลุ่มนี้ได้มากขึ้น

การเรียนรู้ตลอดชีวิตมีความสำคัญมาก ตัวเองทุกวันนี้ก็ยังต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะในวงการภาพยนตร์มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จึงต้องตามให้ทัน และยังต้องศึกษาว่าคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นตลาดของเราในอนาคต รับสื่อแบบไหน เล่นแอปพลิเคชันอะไร ต้องเรียนรู้เพื่อหาทางสื่อสารได้ตรงใจ เพราะเมื่อเราเข้าใจพฤติกรรมและแนวคิดของพวกเขา ก็จะง่ายสำหรับเรา เมื่อจะต้องผลิตภาพยนตร์สำหรับคนกลุ่มนี้ สำหรับการเข้ามาในวงการนี้ของตัวเองนั้น ช่วงเรียนมัธยมและช่วงเรียนปริญญาตรีที่นิเทศ จุฬาฯ คือ ช่วงการค้นหาตัวตน ด้วยการลองทำอะไรหลาย ๆ อย่าง เพื่อค้นหาสิ่งที่ทำได้ดีและคนชอบ ได้ไปลองหลายอย่าง ทั้งเรียนร้องเพลง ฝึกสอนการแสดง สุดท้ายก็พบว่า การกำกับภาพยนตร์ คือ สิ่งที่ทำแล้วมีคนชอบมากที่สุด จึงได้ต่อยอดจนกลายเป็นอาชีพในทุกวันนี้ และก็อยู่ในสายงานนี้มาตลอดตั้งแต่เรียนจบ ส่วนตัวแล้วมองว่า หากไม่ได้ลงมือทำ ก็จะไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่า เราทำอะไรได้บ้าง หรือ ทำอะไรได้ดี ซึ่งช่วงที่กำลังเรียนอยู่ คือ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะค้นหาตัวเราเองได้ว่า เราทำอะไรได้ดี”

สำหรับรางวัล Young Thai Artist Award ที่ได้รับในปี 2547 อนุชา มองว่า มีผลต่อชีวิตของตนเองในทุกวันนี้ เพราะรางวัลที่ได้รับทำให้มีความมั่นใจในผลงานที่ทำมากขึ้น เปรียบเสมือนเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่จะบอกว่า สิ่งที่ทำไปมีคนชอบ การ Earn ความสำเร็จในทุกวันนี้ เกิดจากการ Learn ว่างานแบบไหนที่จะได้รับการยอมรับและเป็นที่ชื่นชอบ เพื่อจะได้นำสไตล์ หรือ องค์ประกอบของชิ้นงานที่ได้รับรางวัล หรือ ได้รับคำชม มาพัฒนาต่อยอดกับผลงานชิ้นต่อ ๆ ไปในอนาคต

ปัจจุบัน อนุชา เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีผลงานหลากหลาย และยังเป็นเจ้าของรางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 28 (ปี 2561) จากผลงานภาพยนตร์ เรื่อง “มะลิลา” ยังได้ฝากข้อคิดและคำแนะนำดี ๆ มาถึงน้อง ๆ คนรุ่นใหม่ที่สนใจอยากเข้าวงการภาพยนตร์ว่า ต้องเริ่มจากการดูหนังที่หลากหลาย ควบคู่ไปกับ การเสพศิลปะสาขาอื่น ๆ จากนั้นลองสร้างผลงานออกมา ซึ่งปัจจุบันมีหลายเวทีที่เปิดโอกาสให้ได้เยาวชนได้แสดงผลงาน เพราะการมีโอกาสได้แสดงผลงาน จะทำให้เรามองเห็นได้ชัดเจนว่า ผลงานที่สร้างขึ้นมานั้น ตรงใจตลาดหรือไม่ รวมถึงคอมเมนท์ที่ได้รับจะเป็นกระจกเงาสะท้อน เพื่อให้นำกลับมาปรับปรุงและพัฒนางานต่อไปในอนาคต

ด้าน ลำพู กันเสนาะ จิตรกรผู้โด่งดังจากงานจิตรกรรมล้อเลียนแนวหัวโต เจ้าของรางวัลยอดเยี่ยมสาขาศิลปะสองมิติ Young Thai Artist Award ปี 2549 จากผลงาน “นางสาวภาพยนตร์” เล่าว่า ภาพในหัวของการทำงานด้านศิลปะของตนเองนั้น เริ่มต้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ตอนอายุ 15 เพราะงานศิลปะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ตนเองลงมือทำได้ ทั้งความคิดสร้างสรรค์และการถ่ายทอดความคิดนั้น ผ่านภาพวาดให้คนรอบข้างเข้าใจได้ อย่างไรก็ดี ตนเองมั่นใจว่า ไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ด้านงานศิลปะ แต่เป็นเพราะความตั้งใจมุ่งมั่น และลงมือทำอย่างจริงจัง จนสามารถทำงานศิลปะออกมาได้ดี ส่งผลให้เป็นตนเองในวันนี้

ลำพู เชื่อว่า การมีพรสวรรค์เปรียบเสมือนมีต้นทุนที่ดี แต่คนที่จะมีกำไรได้ต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจลงมือทำอย่างจริงจัง ซึ่งสอดคล้องกันกับแนวคิดของ Learn to Earn ที่ส่งเสริมให้ใช้ทุกทักษะที่มี โดยเฉพาะทักษะที่มีความถนัด ผสานกับ ความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะทำ เพื่อให้ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

“ตัวเองไม่ใช่คนเรียนเก่ง ไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านงานศิลปะมาก่อนเลย แต่มองว่าศิลปะ คือ สิ่งสุดท้ายที่ทำได้ จึงเลือกที่จะทำงานด้านศิลปะ เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็มุ่งมั่นตั้งใจฝึกฝน ลงมือทำ จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของตน และยังทำให้ตนได้เรียนรู้ว่า ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ แต่ต้องมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และพยายาม ทุกครั้งที่ลงมือทำ ไม่เคยมองว่า สิ่งที่กำลังทำเป็นเรื่องยาก แต่จะคิดเสมอว่า หากคนบนโลกทำได้ ตัวเราก็ต้องทำได้เช่นกัน เมื่อทำได้ ก็มองเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำ และไม่ทิ้งสิ่งที่ทำ เพราะมองว่ากว่าจะสร้างมาได้ ต้องแลกกับอะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้งเวลา ความทุ่มเท และเชื่อว่าเพราะความมุ่งมั่นที่มีมาโดยตลอด เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีวันนี้ได้”

ลำพู มองว่า คนรุ่นใหม่ในโลกปัจจุบัน นับว่า มีความโชคดี เพราะมีโอกาสมากกว่าในยุคของตนเอง ทำให้มีโอกาสที่จะต่อยอดสร้างงานศิลปะ เพื่อผลักดันให้ชีวิตก้าวไปได้ไกลมากขึ้น แต่ก็มีข้อเสียแทรกอยู่ เพราะโอกาสที่มีมาก ทำให้ความพยายามลดน้อยลง และขาดความทะเยอทะยาน หรือ มุ่งมั่นที่จะทำอะไรให้เต็มที่ เกิดความท้อแท้ได้ง่าย และจะเลิกราไป หากสิ่งที่ทำนั้นไม่ประสบความสำเร็จ ในขณะที่ ยุคสมัยของตนเอง ทางเลือกหรือโอกาสมีจำกัด จึงต้องมุมานะพยายามและทำอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประสบความสำเร็จ

นอกจากรางวัลยอดเยี่ยมยุวศิลปินไทยแล้ว ลำพู ยังเป็นเจ้าของรางวัลทางศิลปะอีกหลายเวที จากประสบการณ์ที่ผ่านพบมา ได้สอนให้เธอเรียนรู้ว่า ไม่มีความสำเร็จใดได้มาแบบง่าย ๆ หากไม่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะลงมือทำอย่างจริงจัง สิ่งที่เธอได้ earn จากการ learn ดังกล่าว ทำให้ทุกวันนี้เธอคือศิลปิน ที่ใช้เวลาผลิตชิ้นงานศิลปะกับสตูดิโอส่วนตัวที่อัมพวา และมีชีวิตที่ยืนอยู่บนเส้นชัยของความสำเร็จในเส้นทางที่เลือกไว้อย่างแท้จริง

นอกจาก อนุชา และ ลำพู แล้ว ยังมีต้นแบบของยุวศิลปินไทยรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จบนเส้นทางอาชีพศิลปินอีกหลายราย ที่เด็ก เยาวชน และ ผู้สนใจสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการ Learn ที่ทำให้พวกเขา Earn ได้ในทุกวันนี้ ที่บอดร์ดนิทรรศการ 20 Shades of Art ในงานนิทรรศการ Young Thai Artist Award 2024 ณ ห้อง New Gen Space : Space for All Generations โดยมูลนิธิเอสซีจี ตั้งอยู่บนชั้น 3 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ซึ่งงานนิทรรศการนี้ จะจัดแสดงไปจนถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2567 นี้ ผู้สนใจดูรายละเอียดกิจกรรมต่าง ๆ ของมูลนิธิฯ เพิ่มเติมได้ที่ www.scgfoundation.org เฟซบุ๊ก LEARNtoEARN และ TIKTOK : LEARNtoEARN

RANDOM

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!