หลายคนคงคุ้นเคยกับการมองก้อนเมฆ ที่เปลี่ยนแปลงรูปร่างไปต่าง ๆ นานา และเราก็ยังสังเกตบรรดาก้อนเมฆอันอ่อนนุ่มนั้น ด้วยการดูสีของเมฆที่ลอยรวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้า ว่าเป็นอย่างไร
เมฆเกิดจากอะไร
ก่อนอื่นต้องรู้จักที่ไปที่มาของก้อนเมฆที่เราเห็นอยู่บนท้องฟ้ากันก่อน น้ำจากแหล่งธรรมชาติบนพื้นดิน เป็นจุดเริ่มต้นของมวลเมฆขนาดใหญ่ เมื่อได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ ก็จะระเหยกลายเป็นไอน้ำลอยอยู่บนอากาศ และเมื่อไอน้ำเกิดการควบแน่นเป็นละอองน้ำ หรือ เกล็ดน้ำแข็ง การเกาะตัวเป็นกลุ่มในลักษณะแบบนี้ เราเรียกว่า เมฆ
สีและลักษณะของก้อนเมฆ
เคยสังเกตไหมว่า ทำไมเมื่อเรามองไปบนท้องฟ้า กลุ่มเมฆที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ มีสีสันแตกต่างกันไป ก็เนื่องจากว่า ความหนาแน่นของกลุ่มไอน้ำ หรือ เมฆบริเวณนั้น ว่ามีความหนาแน่นมากน้อยเพียงใด ถ้าหนาแน่นมาก แสงผ่านไม่ได้ จะมองเห็นเป็นกลุ่มสีเทาไปจนถึงสีดำ ถ้าหนาแน่นน้อย เราจะมองเห็นเมฆเหล่านั้นเป็นสีขาว สีของเมฆสามารถสื่อสารหรือบ่งบอกให้เราทราบได้ว่า มีปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศ หรือ สภาพทางอากาศที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น เมฆที่มีสีเขียว หรือ สีเทาเกือบดำ บ่งบอกถึงการก่อตัวของพายุฝน หรือ เมฆสีแดงส้มในช่วงพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตก จากการกระเจิงของแสงในชั้นบรรยากาศ
เมฆสามารถแบ่งตามรูปร่างลักษณะ และระดับความสูงเหนือพื้นดินของฐานเมฆ โดยทั่ว ๆ ไป ดังนี้
– เมฆชั้นต่ำ เหนือพื้นดินไม่เกิน 2 กิโลเมตร ไม่มีน้ำแข็ง มีแต่ไอน้ำ แต่เมื่อใดที่ไอน้ำรวมกลุ่มกันมีความหนาแน่นจำนวนมาก ก็จะตกลงมาเป็นฝน
– เมฆชั้นกลาง สูงตั้งแต่ 2-6 กิโลเมตร เมื่อมีความหนาแน่นของน้ำแข็งและไอน้ำรวมกันจำนวนมาก ก็จะตกลงมาเป็นฝน
– เมฆชั้นสูง สูงตั้งแต่ 6 กิโลเมตร ขึ้นไป ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำแข็ง เพราะความสูงระดับนั้น อากาศจะเย็นจัดต่ำกว่าจุดเยื่อกแข็ง
คงพอสังเกตก้อนเมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ากันได้แล้วว่า เมฆชนิดไหน ทำให้เกิดฝนพรำ หรือ ทำฝนตกหนัก ฉะนั้น ก่อนออกจากบ้านครั้งต่อไป อย่าลืมพยากรณ์อากาศกันสักหน่อย จะได้เตรียมพร้อมรับมือกับฝนฟ้าในแต่ละวันได้ทันเวลา