กระทรวง อว. เปิดแผนยุทธศาสตร์รับมือภัยพิบัติทุกรูปแบบ เตรียมทุ่มงบวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรม รับมือภัยพิบัติแผ่นดินไหวในอนาคต ครอบคลุมทุกมิติ

แชร์บทความ

Share on facebook
Share on twitter

กระทรวง อว. กำลังผนึกทุกภาคส่วน นำวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มาเป็นกลไกหลัก ในการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติทุกรูปแบบ โดยบูรณาการเครื่องมือ ววน. ทุกแขนง เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที พร้อมสนับสนุนงบประมาณการวิจัย กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.) โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จะจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรับมือกับภัยพิบัติแผ่นดินไหว ผ่านสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้แผนงานด้านทรัพยากรธรรมชาติ ภัยพิบัติ และการบริหารจัดการภัยธรรมชาติแบบบูรณาการ เพื่อเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม อันเป็นการเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านสำหรับเหตุภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ผนึกกำลัง ภาครัฐ นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญ จัดเวทีเสวนา “ก้าวข้ามธรณีพิโรธ : นวัตกรรม ววน. พลิกเกมภัยแผ่นดินไหว เพื่ออนาคตที่ปลอดภัยของไทย” ถอดบทเรียนกรณีแผ่นดินไหวในกรุงเทพมหานคร เปิดเทคโนโลยีและนวัตกรรม ววน. พร้อมใช้รับมือภัยพิบัติในทุกมิติ โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ศ. ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. คณะผู้บริหาร เข้าร่วมเสวนาพร้อมตอบข้อซักถามสื่อมวลชน เพื่อมุ่งสร้างความเข้มแข็งในการรับมือต่อภัยพิบัติในอนาคต

นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. กล่าวว่า จากสถานการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ในประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 กระทรวง อว. ได้เร่งระดมสรรพกำลัง ทั้งนักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ และหน่วยงานในสังกัด นำผลงานวิจัย นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงนำองค์ความรู้ทางวิชาการไปสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมเน้นย้ำว่า กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.) โดย สกสว. ได้รับผิดชอบการจัดทำแผนด้าน ววน. ซึ่งเป็นแผนวิจัยที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาที่ท้าทายของไทย และได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ ในระบบ ววน. เพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและองค์ความรู้เพื่อรับมือภัยพิบัติแผ่นดินไหว

โดยทาง กระทรวง อว. ได้มีการส่งทีมหุ่นยนต์ iRAP Robot (ไอ-แล็ปโรบอท) ของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) และ หุ่นยนต์ตรวจการณ์เก็บกู้วัตถุระเบิดขนาดเล็ก D-EMPIR V.4 (ดี-เอ็มไพร์ เวอร์ชันโฟร์) ของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย บริเวณอาคารที่ทำงานสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินถล่ม พร้อมจัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือด้านการตรวจสอบอาคารและการแพทย์” (ศปก.อว.) มีการใช้ Traffy Fondue ให้ประชาชนแจ้งเหตุ เพื่อส่งทีมเข้าประเมินความเสี่ยงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ขณะที่ GISTDA ได้ใช้ภาพถ่ายดาวเทียม THEOS-2 ประเมินความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ที่ผ่านมา กองทุน ววน. ได้มีการจัดสรรงบประมาณวิจัยและนวัตกรรม เพื่อดำเนินการในแผนงานสำคัญด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการบริหารจัดการภัยทางธรรมชาติแบบบูรณาการ อาทิ “InSpectra-01” เทคโนโลยีที่นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการตรวจจับและวัดขนาดรอยร้าวในโครงสร้างอย่างแม่นยำและรวดเร็ว ช่วยลดต้นทุนในการตรวจสอบ และเพิ่มประสิทธิภาพในการประเมินความเสียหายของโครงสร้าง ด้วยระบบ Agentic.AI โดย รศ.ดร.พรหมพัฒน ธัญสิริชัยศรี ศูนย์วิจัยตรวจสอบโครงสร้างและเฝ้าระวัง ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

“เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวราคาประหยัด” เซนเซอร์ตรวจวัดอาคาร เป็นอุปกรณ์ที่วัดค่าความเร่ง สามารถวัดค่าความสั่นสะเทือนและแจ้งเตือนผ่านเซนเซอร์นี้ โดยลดต้นทุนการนำเข้าจากหลักแสน เหลือเพียงหลักหมื่นบาท ทำให้ “ผู้ใช้” ซึ่งเป็นวิศวกรดูแลอาคาร และผู้บริหารโรงพยาบาลตัดสินใจความปลอดภัยของอาคารได้หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดย รศ.ดร.ธีรพันธ์ อรธรรมรัตน์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ กรมอุตุนิยมวิทยา

“หุ่นตรวจการและเก็บกู้วัตถุระเบิด รุ่น D-EMPIR V.4” ถูกออกแบบสำหรับการปฏิบัติงานเก็บกู้วัตถุระเบิด และสามารถซ่อมบำรุงได้ง่ายเมื่อเกิดความเสียหาย โดยในช่วงสถานการณ์วิกฤตหุ่นยนต์ D-EMPIR V.4 ได้ถูกนำมาลงพื้นที่ เพื่อเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ ณ ถ.กำแพงเพชร เขตจตุจักร กทม. ที่มีผู้บาดเจ็บและสูญหายเป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยหุ่นยนต์มีขนาดเล็ก มีความคล่องตัวสูง มีการติดตั้งแขนกลพิเศษ สามารถเข้าพื้นที่แคบได้ โดยใช้แขนกลหยิบจับสิ่งของและปีนป่ายทางต่างระดับได้อย่างคล่องตัว โดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร และ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI)

“แพลตฟอร์ม Traffy Fondue” เป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ถูกพัฒนาเพื่อรองรับการแจ้งเหตุ และบริหารจัดการปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งประชาชนสามารถแจ้งปัญหาและร้องขอความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว ผ่านช่องทางออนไลน์ ช่วยให้ข้อมูลถูกส่งตรงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ ลดระยะเวลาในการประสานงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ได้มีการนำแพลตฟอร์ม Traffy Fondue เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการภัยพิบัติแผ่นดินไหวให้กับประชาชน โดยปัจจุบันมีการแจ้งข้อมูลกว่า 5,000 กรณี โดย ห้องปฏิบัติการระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะ (ITS) กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย (CNWRG) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

กระทรวง อว. มีบทบาทหลักในการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาใช้รับมือภัยพิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้สั่งการหน่วยงานในสังกัดเร่งพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ครอบคลุม 3 ด้านหลัก 1) “พัฒนาระบบเตือนภัยในทุกมิติ” แผ่นดินไหว สึนามิ น้ำท่วม ภัยแล้ง พร้อมระบบข้อมูลและการสื่อสารที่รวดเร็วและทั่วถึง 2) “เสริมการจัดการภัยพิบัติ” สนับสนุนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการจัดการภัยพิบัติและส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการวางแผนในพื้นที่ 3) “สร้างความเข้มแข็งชุมชน” ส่งเสริมการเรียนรู้และฝึกอบรมให้ประชาชนมีความรู้และทักษะในการรับมือ และสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับชุมชน” รมว.อว. กล่าวทิ้งท้าย

ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวถึงนโยบายการจัดสรรงบประมาณวิจัยเพื่อรองรับภัยพิบัติ โดยมีแผนงาน (P16) ที่มุ่งเน้นการพัฒนานโยบายและต้นแบบเพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม (ววน.) โดยแบ่งเป็นสองภาคส่วนหลัก คือ “ภาคการเกษตร” มุ่งเน้นการรับมือกับผลกระทบจาก Climate Change โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้วยระบบเตือนภัย การปรับปรุงพันธุ์และการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงภัยแล้ง การระบาดของแมลง และการกัดเซาะชายฝั่ง “ภาคเมืองและอุตสาหกรรม” มุ่งเน้นการรับมือแผ่นดินไหว สึนามิ วาตภัย น้ำท่วม/น้ำแล้ง ภัยจากความร้อน ดินโคลนถล่ม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อ Biodiversity ความมั่นคงทางน้ำและสุขภาพและสัตว์เศรษฐกิจ รวมถึงมีแผนงาน (P24) แก้ไขปัญหาและตอบสนองภาวะวิกฤติเร่งด่วนของประเทศ ทำให้ประเทศไทยมีความสามารถในการจัดการและฟื้นตัวอย่างมีประสิทธิภาพ (Resilience) มีศักยภาพในการพึ่งตนเองด้านความรู้ กำลังคน และโครงสร้างพื้นฐานด้าน ววน.

ทั้งนี้ สกสว. มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ โดยเน้นการนำ ววน. มาใช้ในการรับมือภัยพิบัติ และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน เพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้

1. จัดสรรงบประมาณวิจัย : ภายใต้แผนงานเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตระดับประเทศ เช่น แผ่นดินไหว และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
2. ร่วมกับ สอวช. ทบทวนและยกระดับแผนด้าน ววน. ของประเทศ : เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาท้าทายทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
3. นำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปสนับสนุนหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสาธารณภัย : เพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์
4. สนับสนุนภารกิจด้านการสร้างความตระหนักรู้ การป้องกัน และการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติในทุกระดับ : ทำให้ประชาชนมีความรู้และทักษะในการรับมือภัยพิบัติ
5. ขับเคลื่อนบทบาทของ อว. และ สกสว. ให้เป็นกลไกลดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน : เน้นย้ำเป้าหมายหลักคือ การปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

“สกสว.พร้อมรับนโยบาย กระทรวง อว. ร่วมกับ เครือข่ายพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ การรวมกลุ่มของวิศวกรรมร่วมใจ อววน. ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญและศูนย์กลางด้านความรู้ (Hub of Talents & Knowledge) ระบบที่เชื่อมต่อประชาชนกับภาครัฐเพื่อประเมินความเสี่ยงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว (Al-Enable Traffy Fondue โดย กองทุน ววน.) และที่สำคัญคือ การร่วมงานเครือข่ายกับต่างประเทศสร้างความรู้เชิงระบบเตือนภัยกับประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น โดยความร่วมมือนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าขาดการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยรับประมาณ” ผอ.สกสว. กล่าวทิ้งท้าย

นอกจากนี้ ภายในงานมีการเสวนาเกร็ดความรู้ “รับมือธรณีพิโรธ” ในประเด็น “ธรณีวิทยาและความเสี่ยงของแผ่นดินไหวในประเทศไทย” โดย ศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) “การออกแบบอาคารและโครงสร้างเพื่อรับมือแผ่นดินไหว” โดย ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย และ “เทคโนโลยีเตือนภัยแผ่นดินไหวและการพัฒนาโดยนักวิจัยไทย” โดย รศ.ดร.ธีรพันธ์ อรธรรมรัตน์ มหาวิทยาลัยมหิดล

RANDOM

วงการกีฬาลุ้น “บอร์ดกกท.” ทบทวนมติขอยกเลิกการจัดเอเชี่ยนอินดอร์ หวั่นเหตุผล และความกระชั้นชิดของเวลา จะทำให้ชาติเสียหาย และหากไม่จัดจริง เชื่อว่าจะเป็นการทิ้ง “มรดกบาป” ให้กับวงการกีฬาไทยไปตลอดกาล

NEWS

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!