ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ผู้สนใจศึกษาด้านโบราณคดีผ่านข้อมูลโทรสัมผัส (Remote Sensing) และภูมิสารสนเทศ (GIS) พบร่องรอยบนพื้นผิวโลกที่มีลักษณะเป็นกรอบสี่เหลี่ยมบนเขาพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ คาดเป็นร่องรอยสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ ร่วมสมัยกับปราสาทหินพนมรุ้ง อุทยานประวัติศาสตร์ของไทย ที่มีอายุเก่าแก่นับพันปี
“ทักษะในการสำรวจและแปลความทางธรณีวิทยาสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการศึกษาด้านโบราณคดีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาลักษณะภูมิประเทศผ่านข้อมูล โทรสัมผัส (Remote Sensing) และภูมิสารสนเทศ (GIS)” ศ.ดร.สันติ เผยถึงที่มาของการค้นพบร่องรอยทางโบราณคดีที่เกี่ยวข้องกับนักธรณีวิทยา
ก่อนหน้านี้ ศ.ดร.สันติ และนิสิตปริญญาเอก ได้ศึกษาและสำรวจความเป็นไปได้ของแนวเส้นทางเท้าในการเดินขึ้นเขาพนมรุ้ง พบว่า ก่อนที่จะมีเส้นถนนที่คดเคี้ยวอย่างเช่นปัจจุบัน ในอดีตคนเดินขึ้น-ลง เขาพนมรุ้งเป็นแนวเส้นตรงจากทางทิศตะวันออกของเขา ซึ่งเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุด เนื่องจากพบแนวเส้นตรงคล้ายร่องทางเดินให้เห็นอย่างเด่นชัดจากภาพถ่ายดาวเทียม และจากการลงพื้นที่สำรวจ ตลอดแนวเส้นพบหลักฐานการกดอัดและเรียงตัวกันอย่างไม่เป็นธรรมชาติของหินในพื้นที่ นอกจากนี้ยังพบเศษภาชนะดินเผาและก้อนศิลาแลงบริเวณที่ราบติดเชิงเขา ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวเส้นตรงที่พบจากภาพถ่ายดาวเทียม อาจจะเป็นเส้นทางเท้าที่คนในอดีตใช้ในการเดินขึ้น-ลงเขาพนมรุ้ง
ล่าสุด ศ.ดร.สันติ พร้อมด้วยนิสิตปริญญาโท ภาควิชาธรณีวิทยา ได้ศึกษาเส้นทางที่คาดว่าจะใช้ขนย้ายหินก่อสร้างจากแหล่งตัดหินเชิงเขาพนมดงรัก บริเวณบ้านสายตรี 3 อ. บ้านกรวด ขึ้นไปสร้างปราสาทหินพนมรุ้ง โดยจำลองเส้นทางที่เป็นไปได้ทางภูมิประเทศ จากข้อมูลแบบจำลองระดับสูงเชิงเลข (Digital Elevation Model : DEM) ประมวลผลร่วมกับเครื่องมือทางภูมิสารสนเทศ (GIS) จากนั้นแปลความเพิ่มเติมในรายละเอียดผ่านภาพถ่ายดาวเทียม ทำให้ พบร่องรอยที่คาดว่าจะเป็นสิ่งปลูกสร้างบนเขาพนมรุ้ง ซึ่งเป็นร่องรอยที่ยังไม่มีการพบและเผยแพร่สู่สาธารณชนมาก่อน
“ร่องรอยที่พบจากภาพถ่ายดาวเทียมมีลักษณะเป็นกรอบสี่เหลี่ยม มีสีแตกต่างจากบริเวณข้างเคียง มีขนาดหรือพื้นที่ใกล้เคียงกับขอบเขตของปราสาทหินพนมรุ้ง นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงกันยังพบแนวเส้นที่คล้ายการเดินซ้ำแล้วซ้ำเล่าเข้าไปยังสระน้ำทางด้านหน้าของตัวปราสาท ซึ่งปกติจะไม่พบร่องรอยแบบนี้ในทางธรรมชาติหรือทางธรณีวิทยา และปัจจุบันไม่พบกิจกรรมของมนุษย์ตามแนวเส้นนี้ จึงสันนิษฐานในเบื้องต้นว่ากรอบสี่เหลี่ยมที่ตรวจพบน่าจะเป็นสิ่งปลูกสร้าง หรืออาจจะเป็นขอบเขตที่พักอาศัยในอดีต ที่น่าจะมีกิจกรรมหรือกิจวัตรที่สัมพันธ์กับสระน้ำดังกล่าว การค้นพบในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องน่าจะเข้าไปสำรวจและพิสูจน์ทราบ เพื่อหาข้อสรุปต่อไป” ศ.ดร.สันติ กล่าวในที่สุด