สวัสดีค่ะ Station Thai วันนี้ จะขอหยิบยกเรื่องราวของคุณครูมาพูดคุยกัน มีใครเคยสงสัยไหมครับ ว่า อาชีพครูในระบบราชการ มีแยกย่อยออกไปอีก วันนี้เรามาหาคำตอบกันครับ
1. ครูอัตราจ้าง มี 2 ประเภท ได้แก่
1.1 ใช้เงินเขตจ้าง (เงินงบประมาณที่โรงเรียนได้รับจัดสรรจากสำนักงานเขตพื้นที่) ซึ่งถ้าทำงานครบ 3 ปี ก็มีสิทธิ์สอบในเขตนั้น เพื่อบรรจุเป็นครูผู้ช่วย โดย สพท. จะเป็นผู้จัดสอบ ถ้าทำงานไม่ครบ 3 ปี ก็ไม่มีสิทธิ์สอบ
1.2 ใช้เงินโรงเรียนจ้าง ไม่ว่าจะทำงานมากี่ปี ก็ไม่มีสิทธิ์ใช้อายุงานมาสอบบรรจุได้
ซึ่งครูอัตราจ้าง ทั้ง 2 ประเภท ใช้สิทธิ์ประกันสังคม เงินเดือนตามวุฒิปริญญาตรี อยู่ในช่วง 6,000 – 8,000 บาท และเงินเดือนจะไม่ขึ้น ไม่ว่าจะทำงานมากี่ปี การต่ออายุสัญญาจ้างส่วนมากจะเป็นแบบปีต่อปี งานไม่มั่นคง ถ้าโรงเรียนไม่จ้างต่อ ก็ต้องออก
2. พนักงานราชการ
สามารถสมัครสอบบรรจุได้เหมือนครูอัตราจ้าง ในข้อที่ 1 ใช้สิทธิ์ประกันสังคม เงินเดือนได้มากกว่า ครูอัตราจ้าง และเงินเดือนขึ้นเรื่อย ๆ ตำแหน่งงานไม่มั่นคง มีสิทธิ์ถูกเลิกจ้างได้ ถ้าประเมินไม่ผ่าน
3. ครูผู้ช่วย
คือ ตำแหน่งข้าราชการครู ที่เมื่อสอบบรรจุครูได้แล้ว จะต้องรับตำแหน่งครูผู้ช่วยก่อน เพราะต้องรับการประเมินความพร้อมและการพัฒนาอย่างเข้มข้น เป็นเวลา 2 ปี หรือ ช่วงทดลองงาน 2 ปี นั่นเอง เมื่อเสร็จสิ้นการประเมินแล้ว ก็จะเปลี่ยนตำแหน่งเป็น ครู คศ.1 เงินเดือนที่ได้รับ อยู่ในช่วงประมาณ 7,000 – 8,000 บาท สำหรับครูที่เรียนหลักสูตร 4 ปี ทุกหลักสูตร และเงินเดือน 8,000 – 9,000 บาท สำหรับครูที่เรียนหลักสูตรครุศาสตร์ 5 ปี เท่านั้น เงินเดือนจะขึ้นทุก ๆ 6 เดือน ถ้าไม่มีปัญหาในการทำงาน สิทธิ์ที่ได้รับจะเป็นสิทธิ์ข้าราชการ สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ เมื่อพ้นการประเมินครูผู้ช่วยแล้ว ไม่มีใครสามารถไล่ออกได้ นอกจากกระทำผิดวินัยร้ายแรง
ดูเหมือนว่า ครูอัตราจ้าง จะเป็นกลุ่มที่มีปัญหามากที่สุด
ครูอัตราจ้าง เป็นอาชีพที่ต้องทำงานหนัก และงานไม่บาลานซ์กับรายได้ ต้องดิ้นรนทำงานพิเศษเสริมเพื่อความอยู่รอดและให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น รูปแบบสัญญาจ้างส่วนใหญ่เป็นแบบปีต่อปี งานไม่มั่นคง และไม่กล้าโต้แย้งสิทธิของตนเองในด้านต่าง ๆ เพราะกลัวว่า หากโต้แย้งหรือใช้สิทธิเรียกร้องใด ๆ อาจไม่ได้รับการต่อสัญญาจ้าง ทำให้ถูกเลิกจ้างได้ และหากต้องการหลุดพ้นจากสภาพครูอัตราจ้าง ก็ต้องสอบบรรจุครูให้ได้ ซึ่งในแต่ละปีมีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ที่จะได้รับการบรรจุเปลี่ยนฐานะจากครูอัตราจ้างมาเป็นครูข้าราชการประจำ เนื่องจากตำแหน่งการบรรจุมีน้อยมาก หลาย ๆ ครั้ง ที่การต่อสัญญาจ้าง ครูอัตราจ้างต้องวิ่งเต้นทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับการต่อสัญญา ถึงแม้จะรู้ว่าการวิ่งเต้นนั้นเป็นเรื่องที่ผิด แต่ก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอด
Station Thai มองว่า การที่จะสร้างเด็กให้เติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต เด็กจะดีได้ แม่พิมพ์ของชาติต้องดีก่อน มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีงาน มีเงินเดือน ที่มั่นคง เมื่อครูไม่ต้องมากังวลกับการใช้ชีวิต ก็จะมีเวลามาทุ่มเทและพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนให้ดีขึ้น และมีคุณภาพมากขึ้น อย่างนี้สิ ! เด็กถึงจะจบออกมาอย่างมีคุณภาพในอนาคต
ขอบคุณข้อมูล จาก บล็อกครูแนน , ประกายไฟดอทคอม